อยากเห็นศรีสะเกษในมุมนี้บ้าง...(เส้นทางสายไหม...
เส้นทางสายชีวิต)
โดย นุกูลกิจ
ทวีชาติ
“แม่ฝากผ้าไหมลายลูกแก้วบนผืนสไบไว้ให้ลูกอย่างงดงาม..”. นี่คือคำพูดที่เกิดขึ้นระหว่างการนั่งมองดูการทอผ้าไหมของน้องสาวในช่วงเวลาของการกลับไปเยี่ยมบ้านเกิดในครั้งนี้ทำให้ผมนึกถึงเพลงเพลง
หนึ่งขึ้นมา เดี๋ยวเล่าให้ฟังครับ
“ไหมแท้ที่แม่ทอ” หนึ่งในบทกวีจากหนังสือที่ได้รับรางวัลซีไรต์ ประจำปี2538
เรื่องม้าก้านกล้วยของไพวรินทร์
ขาวงาม ได้นำมาทำเป็นบทเพลงลูกทุ่งให้กับนักร้องที่ชื่อต่าย อรทัย
เป็นผู้ขับร้อง โดยมีครูสลา คุณวุฒิและไพวรินทร์ ขาวงาม
เป็นผู้เขียนทำนองและเรียบเรียงโดยธีระพงษ์ ศักดิ์แก้ว
เสน่ห์ของเพลงไหมแท้ที่แม่ทออยู่ตรงนี้ครับ ประการแรกคือ คำร้องเป็นภาษากวีที่มีความสละสลวยของการใช้คำ มีภาษาสัมผัสที่งดงาม
ประการที่สองคือ ทำนองเพลงเกิดจากครูเพลงกับกวีซีไรต์ร่วมกันเขียนทำนองที่เรียบง่ายฟังสบาย ประการที่สามคือ การถ่ายทอดอารมณ์เพลงของนักร้องที่ยอดเยี่ยมและประการสุดท้ายคือ
การนำเอาเครื่องดนตรีพื้นบ้านมาผสมผสานกับเครื่องดนตรีสากลได้อย่างกลมกลืน
เพลงไหมแท้ที่แม่ทอ เป็นอีกหนึ่งเพลงที่สะท้อนถึงชีวิตของแม่ที่ปลูกหม่อมเลี้ยงไหมด้วยความตั้งใจ เอาใจใส่ มีความรักในอาชีพการทอผ้าไหมและใส่ใจในรายละเอียดของการทอมาก หวังเพื่อให้ได้ผ้าที่ดีมีความสวยงาม ดั่งเช่นเนื้อร้องที่บอกว่า
“แม่ปลูกหม่อนเลี้ยงไหมตั้งใจนัก เรี่ยวแรงรักแม่ใช้เพื่อใฝ่ฝัน อีกสาวไหมด้วยมือซื่อสัตย์มั่น ทั้งทอมันละเมียดละไมใช้เวลา...”
ไหมแท้ที่แม่ทอยังคงทำหน้าที่ของตนเองอย่างไม่หยุดหย่อน ยิ่งฟังก็ยิ่งเห็นถึงความรักความตั้งใจของแม่ที่บรรจงทอผ้าขาวม้าให้ลูก
ผมเห็นภาพขณะที่แม่กำลังทอผ้าไหม เห็นความรู้สึกผูกพันที่แม่มีให้แก่ลูกๆตลอดมา บางช่วงบางตอนของเพลงยังทำให้เกิดจินตนาการได้ว่า มือน้อยๆของแม่ที่ทอผ้านั้นอาจจะเคยทำร้ายตีลูกบ้างในบางครั้ง
แต่ถ้าคิดให้ดีๆก็จะเห็นว่ามือเดียวกันนี้แหละที่คอยดูแลปกป้องให้ลูกอยู่อย่างปลอดภัย
“สักวันหนึ่งถึงไม่มีชีวิตแม่ ลูกที่แท้ก็คงทอสืบต่อได้ แม่ก็ทอลูกก็ทอต่อเส้นใย ผ้าชีวิตผืนใหม่จะต้องงาม” เพลงจบลงด้วยเวลา
4.30
วินาที โดยมีบทสรุปว่า แม่ยังคงทำงานหนัก แม่ยังคงทอผ้าไหมผืนใหม่ต่อไปและสอนลูกสาวเกี่ยวกับการทำงานว่าให้เป็นแม่ศรีเรือนสืบทอดงานของแม่ต่อไปก่อนที่แม่จะหมดแรงและต้องพักไป ต่อเนื่องกันแม่ก็ยังสอนลูกชายให้เป็นคนที่แข็งแกร่ง
สู้งานที่หนัก โดยมีประโยคสุดท้ายว่า เมื่อถึงวันหนึ่งที่แม่ไม่อยู่แล้วลูกก็คงยังทอผ้าไหมต่อไปได้
เพื่อสืบทอดชีวิตจิตวิญญาณของแม่ที่ได้ฝากมรดกอันล้ำค่านี้ไว้อย่างงดงาม
ไหมแท้ที่แม่ทอ นอกจากเรื่องความรักของแม่ที่มีต่อลูกๆแล้วสิ่งหนึ่งที่ผมเห็นและซ่อนอยู่ในเพลงนี้ได้แก่
วิถีชีวิตและอาชีพดั้งเดิมของบรรพบุรุษที่สืบทอดกันมาแต่โบราณนั่นคือ
การทอผ้าไหมที่มีเอกลักษณ์โดดเด่นของแต่ละพื้นที่ที่แตกต่างกัน ซึ่งการทอผ้าไหมนั้นถือเป็นอาชีพที่มีคุณค่าเพราะผ้าไหมนั้นสามารถสร้างรายได้ให้กับระบบเศรษฐกิจฐานรากและระดับประเทศ ผ้าไหมนั้นสามารถสร้างรายได้ให้กับคนในชุมชน ลองจินตนาการดูนะครับว่า ถ้ามีหน่วยงานที่มารับผิดชอบเรื่องนี้โดยตรงเพื่อมาส่งเสริมการผลิต มาดูแลเรื่องงบประมาณ มาดูแลการพัฒนาผลิตภัณฑ์ มาจัดทำการตลาดทั้งในและต่างประเทศ ไหมแท้ที่แม่ทอคงงดงามและมีชีวิตมากกว่านี้อย่างแน่นอน อยากเห็นศรีสะเกษในมุมนี้บ้างครับ ช่วยกันนะครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น