วันพุธที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2559

ต้นฉบับบทความวารสารที่นี่ศรีสะเกษ เดือนสิงหาคม59

อยากเห็นศรีสะเกษในมุมนี้บ้าง...(เส้นทางสายไหม... เส้นทางสายชีวิต)
โดย นุกูลกิจ  ทวีชาติ

                “แม่ฝากผ้าไหมลายลูกแก้วบนผืนสไบไว้ให้ลูกอย่างงดงาม..”.  นี่คือคำพูดที่เกิดขึ้นระหว่างการนั่งมองดูการทอผ้าไหมของน้องสาวในช่วงเวลาของการกลับไปเยี่ยมบ้านเกิดในครั้งนี้ทำให้ผมนึกถึงเพลงเพลง หนึ่งขึ้นมา  เดี๋ยวเล่าให้ฟังครับ



“ไหมแท้ที่แม่ทอ”  หนึ่งในบทกวีจากหนังสือที่ได้รับรางวัลซีไรต์ ประจำปี2538 เรื่องม้าก้านกล้วยของไพวรินทร์  ขาวงาม  ได้นำมาทำเป็นบทเพลงลูกทุ่งให้กับนักร้องที่ชื่อต่าย  อรทัย  เป็นผู้ขับร้อง  โดยมีครูสลา  คุณวุฒิและไพวรินทร์  ขาวงาม  เป็นผู้เขียนทำนองและเรียบเรียงโดยธีระพงษ์  ศักดิ์แก้ว  เสน่ห์ของเพลงไหมแท้ที่แม่ทออยู่ตรงนี้ครับ  ประการแรกคือ คำร้องเป็นภาษากวีที่มีความสละสลวยของการใช้คำ     มีภาษาสัมผัสที่งดงาม ประการที่สองคือ ทำนองเพลงเกิดจากครูเพลงกับกวีซีไรต์ร่วมกันเขียนทำนองที่เรียบง่ายฟังสบาย  ประการที่สามคือ  การถ่ายทอดอารมณ์เพลงของนักร้องที่ยอดเยี่ยมและประการสุดท้ายคือ  การนำเอาเครื่องดนตรีพื้นบ้านมาผสมผสานกับเครื่องดนตรีสากลได้อย่างกลมกลืน

เพลงไหมแท้ที่แม่ทอ  เป็นอีกหนึ่งเพลงที่สะท้อนถึงชีวิตของแม่ที่ปลูกหม่อมเลี้ยงไหมด้วยความตั้งใจ  เอาใจใส่ มีความรักในอาชีพการทอผ้าไหมและใส่ใจในรายละเอียดของการทอมาก  หวังเพื่อให้ได้ผ้าที่ดีมีความสวยงาม ดั่งเช่นเนื้อร้องที่บอกว่า “แม่ปลูกหม่อนเลี้ยงไหมตั้งใจนัก  เรี่ยวแรงรักแม่ใช้เพื่อใฝ่ฝัน  อีกสาวไหมด้วยมือซื่อสัตย์มั่น  ทั้งทอมันละเมียดละไมใช้เวลา...”

ไหมแท้ที่แม่ทอยังคงทำหน้าที่ของตนเองอย่างไม่หยุดหย่อน  ยิ่งฟังก็ยิ่งเห็นถึงความรักความตั้งใจของแม่ที่บรรจงทอผ้าขาวม้าให้ลูก  ผมเห็นภาพขณะที่แม่กำลังทอผ้าไหม  เห็นความรู้สึกผูกพันที่แม่มีให้แก่ลูกๆตลอดมา  บางช่วงบางตอนของเพลงยังทำให้เกิดจินตนาการได้ว่า  มือน้อยๆของแม่ที่ทอผ้านั้นอาจจะเคยทำร้ายตีลูกบ้างในบางครั้ง  แต่ถ้าคิดให้ดีๆก็จะเห็นว่ามือเดียวกันนี้แหละที่คอยดูแลปกป้องให้ลูกอยู่อย่างปลอดภัย
“สักวันหนึ่งถึงไม่มีชีวิตแม่  ลูกที่แท้ก็คงทอสืบต่อได้  แม่ก็ทอลูกก็ทอต่อเส้นใย  ผ้าชีวิตผืนใหม่จะต้องงาม” เพลงจบลงด้วยเวลา 4.30 วินาที โดยมีบทสรุปว่า แม่ยังคงทำงานหนัก  แม่ยังคงทอผ้าไหมผืนใหม่ต่อไปและสอนลูกสาวเกี่ยวกับการทำงานว่าให้เป็นแม่ศรีเรือนสืบทอดงานของแม่ต่อไปก่อนที่แม่จะหมดแรงและต้องพักไป  ต่อเนื่องกันแม่ก็ยังสอนลูกชายให้เป็นคนที่แข็งแกร่ง สู้งานที่หนัก  โดยมีประโยคสุดท้ายว่า  เมื่อถึงวันหนึ่งที่แม่ไม่อยู่แล้วลูกก็คงยังทอผ้าไหมต่อไปได้  เพื่อสืบทอดชีวิตจิตวิญญาณของแม่ที่ได้ฝากมรดกอันล้ำค่านี้ไว้อย่างงดงาม

ไหมแท้ที่แม่ทอ  นอกจากเรื่องความรักของแม่ที่มีต่อลูกๆแล้วสิ่งหนึ่งที่ผมเห็นและซ่อนอยู่ในเพลงนี้ได้แก่  วิถีชีวิตและอาชีพดั้งเดิมของบรรพบุรุษที่สืบทอดกันมาแต่โบราณนั่นคือ  การทอผ้าไหมที่มีเอกลักษณ์โดดเด่นของแต่ละพื้นที่ที่แตกต่างกัน  ซึ่งการทอผ้าไหมนั้นถือเป็นอาชีพที่มีคุณค่าเพราะผ้าไหมนั้นสามารถสร้างรายได้ให้กับระบบเศรษฐกิจฐานรากและระดับประเทศ  ผ้าไหมนั้นสามารถสร้างรายได้ให้กับคนในชุมชน  ลองจินตนาการดูนะครับว่า  ถ้ามีหน่วยงานที่มารับผิดชอบเรื่องนี้โดยตรงเพื่อมาส่งเสริมการผลิต  มาดูแลเรื่องงบประมาณ  มาดูแลการพัฒนาผลิตภัณฑ์  มาจัดทำการตลาดทั้งในและต่างประเทศ  ไหมแท้ที่แม่ทอคงงดงามและมีชีวิตมากกว่านี้อย่างแน่นอน  อยากเห็นศรีสะเกษในมุมนี้บ้างครับ  ช่วยกันนะครับ

      

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น