วันศุกร์ที่ 19 มกราคม พ.ศ. 2561

เสียงเพลงจากเด็ก...โรงเรียนเล็กในทุ่งกว้าง

“อยากเห็นศรีสะเกษ....ในมุมนี้บ้าง”  (ตอน...เสียงเพลงจากเด็ก...โรงเรียนเล็กในทุ่งกว้าง)
โดย...นุกูลกิจ  ทวีชาติ
            หากจะเอ่ยชื่อโรงเรียนเล็กๆแห่งหนึ่งขึ้นมา  ณ  ตอนนี้  ผมเชื่อว่าหลายคนคงร้องเป็นเสียงเดียวกันว่า “อ๋อ..อ๋อ..ฉันเคยเห็นๆๆๆๆ”  และคงมีความรู้สึกไม่ต่างกันคืออยากจะรู้จักและไปเยือนโรงเรียนเล็กๆแห่งนี้สักครั้ง  เรื่องราวการจุดประกายจากท้องทุ่งนากว้างๆมาเป็นโรงเรียนเล็กๆ  เพื่อให้เด็กๆได้เรียนรู้วิถีชีวิตจริงของตนเอง  เรียนรู้รากเหง้าวัฒนธรรมของชุมชน  เรียนรู้ด้านคุณธรรมจริยธรรมอันดีงามที่มีมาตั้งแต่สมัยบรรพบุรุษ  เรื่องราวของโรงเรียนแห่งนี้จะเป็นอย่างไรนั้น โรงเรียนเล็กในทุ่งกว้างมีคำตอบครับ  ค่อยๆก้าวตามผมมาทีละก้าวอย่างมีสตินะครับ

            โรงเรียนเล็กในทุ่งกว้าง  ตั้งอยู่ที่บ้านถาวร  ตำบลถาวร  อำเภอเฉลิมพระเกียรติ  จังหวัดบุรีรัมย์  ที่นี่ไม่ใช่โรงเรียนที่สังกัดกระทรวงศึกษาธิการหรือกระทรวงไหนๆของประเทศไทย  แต่ผมขอใช้คำว่าโรงเรียนแห่งนี้นั้นสังกัด “ผืนแผ่นดินไทย”  น่าจะเหมาะสมที่สุด  เพราะที่นี่เป็นที่ที่ให้วิชาชีวิตกับเด็กๆ  เป็นที่ที่ให้การศึกษาแบบทางเลือกที่คุณครูลี่ของเด็กๆหรือนายพิชัย  อุ้ยแหง่า  หนุ่มชาวนาวัยสี่สิบต้นๆเป็นผู้ก่อตั้งขึ้นมา  โดยต้องการที่จะให้เด็กๆในชุมชนได้หันกลับมาใช้ชีวิตอยู่ในชนบทที่แสนจะงดงามและปลูกฝังให้เขาได้สืบทอดวัฒนธรรมอันดีงามไม่ให้เลือนหาย  ผ่านการถ่ายทอดทางดนตรีโดยไม่เก็บค่าเล่าเรียนแต่อย่างใด  แต่ต้องกรอกผ่านใบสมัครที่คุณครูลี่บอกว่าเอาแผ่นดินเป็นกระดาษเอาจอบมาเป็นปากกา  นั่นหมายความว่าเด็กๆทุกคนที่จะเข้ามาเรียนที่โรงเรียนเล็กในทุ่งกว้างนั้นจะต้องผ่านการปลูกผักให้สวยงามเสียก่อนถึงจะมาร่ำเรียนวิชาดนตรีและวิชาอื่นๆกับคุณครูลี่ได้  ถือเป็นการวางกลยุทธิ์ในการสอนที่แยบยลมากๆ  (ข้าน้อยขอคารวะ...)

            โรงเรียนเล็กในทุ่งกว้างโด่งดังเป็นที่รู้จักของคนทั่วไปเมื่อมีการแชร์คลิปของวงดนตรีเด็ก  “โรงเรียนเล็กในทุ่งกว้าง”  เมื่อ  22  กันยายน  2559  ที่ผ่านมา  เป็นคลิปที่มีเด็กๆตั้งวงดนตรีเล่นกันอย่างสนุกสนานท่ามกลางทุ่งนาและธรรมชาติที่สวยงาม  มีคนเข้าไปชมเป็นหลักล้านต่างชื่นชมถึงความสามารถของเด็กๆและคุณครูผู้ฝึกสอนว่ามีแนวคิดที่สร้างสรรค์มากๆ  โดยนำเอาวัสดุเหลือใช้ในท้องถิ่นมาประยุกต์ดัดแปลงเป็นเครื่องดนตรีให้เด็กๆได้เล่นผสมผสานกับเครื่องดนตรีสากล
            ผมมีโอกาสได้เห็นความงามและความสามารถของเด็กๆเล่นดนตรีครั้งแรกที่ถนนคนเดินตลาดเซราะกราวด์  จังหวัดบุรีรัมย์  เมื่อปลายปี59  และมีโอกาสได้พูดคุยกับคุณครูลี่ถึงความเป็นมาของโรงเรียนเล็ก...ครั้งนั้นบอกได้เลยว่าผมสัมผัสได้ถึงความสุข  ความตั้งใจของคุณครูลี่ที่มีกับเด็กๆและบ้านเกิดของเขาเอง  แล้วผมก็มีโอกาสเข้าไปโรงเรียนเล็กในทุ่งกว้างครั้งแรกจริงๆ  เมื่อวันที่  13  มกราคม  2561 ที่ผ่านมานี่เอง เหตุผลเพราะว่าโรงเรียนเล็ก...ได้จัดเทศกาลบทเพลงจากทุ่งวิถี  ดนตรีแห่งความเรียบง่าย  ซึ่งเป็นหนึ่งในกิจกรรมการเรียนรู้สู่ความสุข ความเข้าใจในธรรมชาติ และชีวิตกลางท้องทุ่งนาอันกว้างใหญ่  ตามรูปแบบของงานที่ว่า  "นอนอย่างอุทยาน งานดนตรี วิถีบรรพบุรุษ สู่ความสุขอันเรียบง่ายผ่านการแบ่งปัน"
    
ผมประทับใจเวทีวัฒนธรรมยามค่ำคืนมากๆ ได้ชมการแสดงดนตรีจากเด็กๆโรงเรียนเล็กในทุ่งกว้าง  ที่เป็นดนตรีที่บริสุทธิ์เป็นดนตรีที่บรรเลงออกมาจากภายในจิตใจ  เด็กๆเขาเล่นดนตรีอย่างมีความสุขมาก  มีแววตาที่สดใส  มีรอยยิ้มเสียงหัวเราะคลอเคล้าระหว่างบรรเลงดนตรีอยู่บนเวที  เด็กๆเขาจะรู้ถึงบทบาทหน้าที่ของตัวเองในการบรรเลงเครื่องดนตรีแต่ละชนิดแต่ละเพลงสลับหมุนเวียนเปลี่ยนกันไปเป็นอย่างดี  ผู้ชมก็พลอยมีความสุขตามไปด้วย  เป็นเวลาชั่วโมงเศษที่ผมนั่งดูเด็กๆแสดงดนตรี  แต่เชื่อหรือไม่ว่ามันรู้สึกเหมือนเป็นห้วงเวลาที่ผ่านไปเร็วมากๆ
 
แล้วเพลงสุดท้ายของเด็กๆก็มาถึง  คุณครูลี่เดินออกมาด้านหน้าเวทีกล่าวขอบคุณทุกคนที่ทำให้งานวันนี้สำเร็จลงได้ด้วยต้นทุนศูนย์บาท  และบอกว่า “เพลงที่จะเล่นเป็นเพลงสุดท้ายในวันนี้เป็นเพลงที่ผมแต่งขึ้นมาเป็นเพลงแรกหลังจากที่กลับมาที่นี่เพื่อสร้างโรงเรียนเล็กในทุ่งกว้าง  เพลงน้ำตาป่าเขา...เชิญรับฟังครับ”  เสียงไวโอลีนบรรเลงคลอเคล้ากับเสียงกีตาร์โปร่งดังขึ้นมา  เสียงพิณเริ่มดังสอดแทรกกันกับอูคูเลเล่  เสียงแคนบรรเลงรับกับการเขย่าลูกน้ำเต้า  เสียงเปอร์คัทชั่นทำหน้าที่ให้จังหวะอย่างหนักแน่น  พอสิ้นสุดท่อนอินโทรเด็กๆก็เปล่งเสียงร้องพร้อมๆกันอย่างมีพลังที่สดใสบริสุทธิ์ว่า...

“แดนดินถิ่นนี้นั้นมีความเป็นมา  หยาดเหงื่อหยดน้ำตาที่ปู่ย่าสู้ถากถาง  คุณค่าแห่งความดีวิถีอันงดงาม  สืบสานให้ยาวนานเถิดลูกหลานอย่าลืมเลือน
            ทุ่งกว้างภูเขาไฟเป็นหัวใจอันล้ำค่า  พืชพันธุ์นานาให้ชีวาสุขสบาย  ให้ผู้คนได้เลี้ยงกายให้วัวควายมีหญ้ากิน  ให้นกกาได้ผกผินได้โบยบินเบิกบานใจ 
โปรดเถิดผู้เมตตาให้สัตว์สาได้พักพิง  ให้พออยู่ให้พอกินไม่ดิ้นรนจนทำลาย  น้ำตาจากป่าเขาเพราะน้ำใจคนหล่นหาย  รากเหง้าเราทำลายให้เสียดายพงษ์เผ่าพันธุ์”
            พลังเสียงจากเด็กๆที่ร้องเพลงน้ำตาป่าเขาในคืนนี้ได้ส่งพลังอะไรบางอย่างไปสู่ผู้ใหญ่และสังคมอย่างมีมิติทางความคิดเป็นอย่างดี  เพลงน้ำตาป่าเขาไม่ใช่เพลงตลาดที่มีมูลค่าทางการเงินมหาศาลแต่อย่างใด  แต่เป็นบทเพลงที่มีมูลค่ามหาศาลต่อวิถีชีวิตของผู้คน  มีมูลค่าต่อรากเหง้าความเป็นมาของบรรพบุรุษ  มีมูลค่าต่อชีวิตความเป็นอยู่แบบพอเพียงมีการพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน... มีคุณค่ากับเด็กๆที่ร้องที่เล่นได้อย่างประทับใจ  ผมถามคุณครูลี่ว่าได้แรงบันดาลใจจากไหนในการเขียนเพลงน้ำตาจากป่าเขา  ผมได้รับคำตอบอย่างมหัศจรรย์ว่า... 
 
 ผมเขียนเพลงนี้ด้วยความรู้สึกที่ยากจะอธิบาย... เกือบ20ปีที่ผมจากบ้านเพื่อค้นหาตัวเอง วันนี้ผมจะกลับบ้าน  แต่ก้าวแรกที่เหยียบย่ำลงบนแผ่นดินที่ผมเคยเรียกว่าบ้าน วันนี้มันเหลือเพียงเสามุงหลังคา  ทุ่งกว้างที่ผมเคยวิ่งเล่นเติมเต็มชีวิตในวัยเด็กได้หายไปแล้ว ผมยืนมองทุ่งกว้างด้วยความรู้สึกที่เจ็บปวดจนยากที่จะอธิบาย  ผมเห็นการเปลี่ยนแปลงของทุ่งหญ้าป่าเขาวัฒนธรรมประเพณี ที่นับวันจะเลือนลางจนแทบจะเหลือเพียงเปลือกที่หุ้มห่อ  ทุนนิยมเข้ามามีบทบาทกับชุมชน เงินคือปัจจัยหลักที่ผู้คนโหยหาและแสวงหา จนทำลายวัฒนธรรมประเพณีอันเป็นรากเหง้าของคนของสังคม ป่าไม้ ลำธาร แผ่นดิน ถูกทำลายด้วยอำนาจของเงินตรา... 
ผู้คนทิ้งบ้านเรือนมุ่งหน้าเข้าสู่เมืองใหญ่ไปเป็นหุ่นยนต์ขายแรงงานรับใช้นายทุน ครอบครับแตกสลายสังคมพังทลาย พ่อไปทางแม่ไปทาง ทิ้งเด็กๆและตายายแก่ให้เผชิญชะตาชีวิตโดยลำพังวันนี้ผมย้อนเรื่องราวภูมิปัญญาคนโบราณเพราะผมมองเห็นความงามเหล่านั้น การรักษาฟื้นฟูรากแก้วให้กลับมาแข็งแรงเท่านั้นจึงจะทำให้ต้นไม้ยืนต้านพายุในฤดูมรสุมได้  ความหวังเล็กๆของผม โรงเรียนเล็กในทุ่งกว้าง จะเป็นแหล่งดำรงรักษาและส่งเสริม "ศิลปะการใช้ชีวิตบนวิถีเดิมๆ" เพื่อเป็นสมบัติให้ชนรุ่นหลังได้สืบทอดจากรุ่นสู่รุ่น แล้วบ้านเมืองถึงเดินหน้าต่อไปได้

เสียงเพลงจากเด็กๆโรงเรียนเล็กในทุ่งกว้างถูกบันทึกเป็นประวัติศาสตร์ลงแผ่นดินท้องทุ่งนาอันกว้างใหญ่ไปเรียบร้อยแล้ว  จากนี้ไปโรงเรียนเล็กในทุ่งกว้างจะเป็นอีกโมเดลหนึ่งของการจัดการศึกษาทางเลือก  ผมคิดว่าถ้าเรามีโรงเรียนแบบนี้มีพื้นที่ดีๆแบบนี้ให้กับเด็กๆทั่วทั้งประเทศไทย  ลองคิดดูนะครับว่าอนาคตของประเทศชาติของเราจะงดงามขนาดไหน  ลองศึกษาความเป็นไปได้ดูนะครับระหว่างเสียงเพลงธรรมชาติกับการศึกษาทางเลือก  อยากเห็นบ้านเราในมุมนี้บ้าง  เจริญธรรมสำนึกดี....ครับ

Cr : (ภาพจากโรงเรียนเล็กในทุ่งกว้าง)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น