“อยากเห็นศรีสะเกษ....ในมุมนี้บ้าง” (กาพย์เซิ้งบั้งไฟ...หัวใจศีลธรรม)
โดย...นุกูลกิจ ทวีชาติ
"โอ เฮา โอ ศรัทธา เฮาโอ...
ขอเหล้าเด็ดนำเจ้าจักโอ... ขอเหล่าโทนำเจ้าจักถ้วย... หวานจ้วยจ้วย ต้วยปากหลานชาย… นี่คือหนึ่งวลีเด็ดที่เคยได้ยินได้ฟังจากผู้เฒ่าผู้แก่ขับร้องขณะแห่เซิ้งบั้งไฟไปรอบๆหมู่บ้านด้วยความสนุกสนาน ส่งสัญญาณว่าบุญเดือนหกของชาวอีสานนั้นเริ่มขึ้นแล้ว
บุญบั้งไฟหรือบุญเดือนหกถือเป็นประเพณีของชาวอีสานตามหลักฮีตสิบสอง ครองสิบสี่
ที่ถือปฏิบัติกันมาแต่โบราณ
ประเพณีบุญเดือนหกนี้มีส่วนในการสร้างเสริมกำลังใจแก่ชาวบ้านและเป็นการเตรียมความพร้อมในการประกอบอาชีพเกษตรกรรมซึ่งเป็นอาชีพหลักของชาวอีสาน
งานบุญบั้งไฟแต่โบราณนั้นมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อขอฝนให้ตกต้องตามฤดูกาลจะได้ใช้น้ำในการทำนา
เพื่อให้พืชพันธุ์ธัญญาหารมีความอุดมสมบูรณ์
ซึ่งมิรู้ว่าทุกวันนี้วัตถุประสงค์ดังกล่าวยังคงเหมือนเดิมหรือไม่?
การจุดบั้งไฟของชาวบ้านนั้นมีหลักความเชื่อและความศรัทธาอยู่สามประการดังนี้ ประการแรกการจุดบั้งไฟนั้นเพื่อบูชาพระยาแถน
เพื่อบอกกล่าวให้ท่านดลบันดาลให้ฝนตกลงมาสู่โลกมนุษย์ตามนิทานพื้นบ้าน เรื่อง
พญาคันคาก ประการที่สองจุดบั้งไฟเพื่อบูชาอารักมเหสักข์หลักเมือง
เพื่อขอให้ฝนตกต้องตามฤดูกาลหรือคารวะเจ้าพ่อมเหสักข์หลักเมือง และประการสุดท้ายเพื่อเสี่ยงทายดินฟ้าอากาศและพืชพันธุ์ธัญญาหารว่าในปีนั้นๆ
จะเป็นอย่างไร เช่น ถ้าบั้งไฟขึ้นสูงก็ทำนายว่าปีนี้ฝนฟ้าจะตกต้องตามฤดูกาล
พืชพันธุ์ธัญญาหารอุดมสมบูรณ์
นี่คือความเชื่อและศรัทธาในงานบุญบั้งไฟของชาวอีสาน
ความม่วนซืน โฮแซว ของงานบุญบั้งไฟแบบฉบับโบราณนั้นมีอยู่มากมาย อีกมุมหนึ่งที่ขาดเสียมิได้คือ “เซิ้งบั้งไฟ” การเซิ้งบั้งไฟนั้นเป็นการฟ้อนประกอบการขับกาพย์
ซึ่งจะมีผู้นำในการขับกาพย์บั้งไฟและสมาชิกที่เหลือก็จะร้องตามพร้อมๆกันเป็นหมู่คณะ บทเซิ้งที่ใช้จะเป็นคำกลอนภาษาอีสานที่เรียกว่า
"กาพย์" ซึ่งวรรคหนึ่งประกอบขึ้นด้วยคำจำนวน 7 พยางค์ คำสุดท้ายของวรรคแรกจะสัมผัสกับคำที่ 1
หรือคำที่ 3 ของวรรคถัดไปอย่างนี้เรื่อยๆ เช่น บทกาพย์เซิ้งบั้งไฟเรื่องพระมุนี ความว่า....
"โอมพุทโธ
นะโมเป็นเค้า ข้อยซิเว้ากาพย์พระมุนี
พระมุนีอยู่หัวเป็นเจ้า เว้าเมื่อหน้ายังกว้างกว่าหลัง
อนิจจังลูกหลานเต็มบ้าน เจ้าอย่าคร้านปะฮีตครองธรรม
ให้บำเพ็ญภาวนาอย่าขาด ให้ตักบาตรอย่าขาดวัดศีล
ให้กินทานจังหันแม่ออก เพิ่นสอนบอกอย่าเกิดโมโห
โตสอนโตจื่อเอาให้ได้ บาปอยู่ใกล้บุญนั้นอยู่ไกล
ผิดวิสัยอย่าทำเมื่อหน้า
เป็นเหล็กกล้ามันถืกหินซา
ฝูงมัจฉาหมายชมน้ำใหม่ ลางนกใส่มันฮ้องเบื้องขวา
ลางนกทามันฮ้องออกชื่อ ให้จื่อไว่นำฮีตบูฮาน"
กาพย์เซิ้งบั้งไฟบทนี้ได้ซ่อนหลักธรรมที่สามารถนำไปปฏิบัติในชีวิตประจำวันไว้มากมาย เช่น
สอนให้คนรู้จักปฏิบัติตนอยู่ในศีลธรรมที่ดีงาม รู้จักการฝึกบำเพ็ญภาวนา การรู้จักทำบุญตักบาตร การรู้จักเรื่องบาปบุญคุณโทษ... ทั้งหมดล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งที่ดีงามทั้งสิ้น เอ...จะมีใครสักกี่คนนะที่จะนำเอามุมดีๆแบบนี้ไปถือเป็นแนวปฏิบัติกับตัวเองบ้าง ลองดูนะครับ