วันจันทร์ที่ 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2560

บทความเรื่องกาพย์เซิ้งบั้งไฟ หัวใจศีลธรรม

“อยากเห็นศรีสะเกษ....ในมุมนี้บ้าง”  (กาพย์เซิ้งบั้งไฟ...หัวใจศีลธรรม)
โดย...นุกูลกิจ  ทวีชาติ
            "โอ เฮา โอ ศรัทธา เฮาโอ...  ขอเหล้าเด็ดนำเจ้าจักโอ...  ขอเหล่าโทนำเจ้าจักถ้วย...  หวานจ้วยจ้วย ต้วยปากหลานชาย…  นี่คือหนึ่งวลีเด็ดที่เคยได้ยินได้ฟังจากผู้เฒ่าผู้แก่ขับร้องขณะแห่เซิ้งบั้งไฟไปรอบๆหมู่บ้านด้วยความสนุกสนาน  ส่งสัญญาณว่าบุญเดือนหกของชาวอีสานนั้นเริ่มขึ้นแล้ว

บุญบั้งไฟหรือบุญเดือนหกถือเป็นประเพณีของชาวอีสานตามหลักฮีตสิบสอง  ครองสิบสี่  ที่ถือปฏิบัติกันมาแต่โบราณ  ประเพณีบุญเดือนหกนี้มีส่วนในการสร้างเสริมกำลังใจแก่ชาวบ้านและเป็นการเตรียมความพร้อมในการประกอบอาชีพเกษตรกรรมซึ่งเป็นอาชีพหลักของชาวอีสาน งานบุญบั้งไฟแต่โบราณนั้นมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อขอฝนให้ตกต้องตามฤดูกาลจะได้ใช้น้ำในการทำนา   เพื่อให้พืชพันธุ์ธัญญาหารมีความอุดมสมบูรณ์  ซึ่งมิรู้ว่าทุกวันนี้วัตถุประสงค์ดังกล่าวยังคงเหมือนเดิมหรือไม่?
การจุดบั้งไฟของชาวบ้านนั้นมีหลักความเชื่อและความศรัทธาอยู่สามประการดังนี้  ประการแรกการจุดบั้งไฟนั้นเพื่อบูชาพระยาแถน เพื่อบอกกล่าวให้ท่านดลบันดาลให้ฝนตกลงมาสู่โลกมนุษย์ตามนิทานพื้นบ้าน เรื่อง พญาคันคาก  ประการที่สองจุดบั้งไฟเพื่อบูชาอารักมเหสักข์หลักเมือง เพื่อขอให้ฝนตกต้องตามฤดูกาลหรือคารวะเจ้าพ่อมเหสักข์หลักเมือง  และประการสุดท้ายเพื่อเสี่ยงทายดินฟ้าอากาศและพืชพันธุ์ธัญญาหารว่าในปีนั้นๆ จะเป็นอย่างไร เช่น ถ้าบั้งไฟขึ้นสูงก็ทำนายว่าปีนี้ฝนฟ้าจะตกต้องตามฤดูกาล พืชพันธุ์ธัญญาหารอุดมสมบูรณ์  นี่คือความเชื่อและศรัทธาในงานบุญบั้งไฟของชาวอีสาน

ความม่วนซืน  โฮแซว  ของงานบุญบั้งไฟแบบฉบับโบราณนั้นมีอยู่มากมาย  อีกมุมหนึ่งที่ขาดเสียมิได้คือ   “เซิ้งบั้งไฟ”  การเซิ้งบั้งไฟนั้นเป็นการฟ้อนประกอบการขับกาพย์   ซึ่งจะมีผู้นำในการขับกาพย์บั้งไฟและสมาชิกที่เหลือก็จะร้องตามพร้อมๆกันเป็นหมู่คณะ  บทเซิ้งที่ใช้จะเป็นคำกลอนภาษาอีสานที่เรียกว่า "กาพย์" ซึ่งวรรคหนึ่งประกอบขึ้นด้วยคำจำนวน 7 พยางค์ คำสุดท้ายของวรรคแรกจะสัมผัสกับคำที่ 1 หรือคำที่ 3 ของวรรคถัดไปอย่างนี้เรื่อยๆ  เช่น  บทกาพย์เซิ้งบั้งไฟเรื่องพระมุนี  ความว่า....
"โอมพุทโธ นะโมเป็นเค้า             ข้อยซิเว้ากาพย์พระมุนี
พระมุนีอยู่หัวเป็นเจ้า                   เว้าเมื่อหน้ายังกว้างกว่าหลัง
อนิจจังลูกหลานเต็มบ้าน  เจ้าอย่าคร้านปะฮีตครองธรรม
ให้บำเพ็ญภาวนาอย่าขาด              ให้ตักบาตรอย่าขาดวัดศีล
ให้กินทานจังหันแม่ออก               เพิ่นสอนบอกอย่าเกิดโมโห
โตสอนโตจื่อเอาให้ได้                  บาปอยู่ใกล้บุญนั้นอยู่ไกล
ผิดวิสัยอย่าทำเมื่อหน้า                  เป็นเหล็กกล้ามันถืกหินซา
ฝูงมัจฉาหมายชมน้ำใหม่              ลางนกใส่มันฮ้องเบื้องขวา
ลางนกทามันฮ้องออกชื่อ              ให้จื่อไว่นำฮีตบูฮาน"

กาพย์เซิ้งบั้งไฟบทนี้ได้ซ่อนหลักธรรมที่สามารถนำไปปฏิบัติในชีวิตประจำวันไว้มากมาย  เช่น  สอนให้คนรู้จักปฏิบัติตนอยู่ในศีลธรรมที่ดีงาม  รู้จักการฝึกบำเพ็ญภาวนา  การรู้จักทำบุญตักบาตร  การรู้จักเรื่องบาปบุญคุณโทษ...  ทั้งหมดล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งที่ดีงามทั้งสิ้น  เอ...จะมีใครสักกี่คนนะที่จะนำเอามุมดีๆแบบนี้ไปถือเป็นแนวปฏิบัติกับตัวเองบ้าง  ลองดูนะครับ