วันจันทร์ที่ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2560

บทความเรื่อง ออกกลางครรภ์

“อยากเห็นศรีสะเกษ....ในมุมนี้บ้าง(ตอน...ออกกลางครรภ์)
โดย...นุกูลกิจ  ทวีชาติ
            ช่วงต้นเดือนมิถุนายนที่ผ่านมาหลังจากโรงเรียนเลิกแล้วผมมีโอกาสออกไปสัมผัสกับชุมชนพบปะกับผู้ปกครองและเยี่ยมบ้านนักเรียนตามบทบาทและหน้าที่ของครูที่ปรึกษา  แค่บ้านหลังแรกเท่านั้นแหล่ะครับ  บอกได้เลยว่าสภาพชีวิตความเป็นอยู่ของลูกศิษย์ผมน่าสงสารมากและมีหลายคนหลายครอบครัวอีกด้วย  ระหว่างที่นั่งพูดคุยกับผู้ปกครองอยู่นั้นเสียงเพลงจากบ้านข้างๆก็ดังขึ้น  เสมือนหนึ่งว่าเราได้นัดกันไว้เลยทีเดียว

“นับตั้งแต่เธอจำความได้ก็ไม่เห็นหน้าพ่อและแม่  เด็กหญิงคนนี้เธอเป็นเด็กกำพร้า  พ่ออยู่แห่งหนใด แม่อยู่แห่งหนใด  เก็บคำถามนี้ไว้ในใจตลอดมา...” เพลงถามยายของศิลปินปู  พงษ์สิทธิ์  คัมภีร์  ตอกย้ำความรู้สึกและสะท้อนให้เห็นถึงปัญหาของสังคมในช่วงปี  พ.ศ.2533  ได้อย่างตรงไปตรงมาจนถึงปัจจุบัน  ตลอดระยะเวลา  33  ปี  นับจากวันแรกของการเปิดอัลบั้มเสือตัวที่11  เชื่อมั้ยครับว่าปัญหานั้นยังคงมีอยู่จริงในปัจจุบันและเป็นปัญหาที่ส่งผลกระทบต่อสังคมในทุกมิติ
คุณยายแก่ๆซึ่งเป็นผู้ปกครองของนักเรียนเล่าเรื่องราวให้ผมฟังว่า...  “พ่อกับแม่ของน้องแยกทางกันตั้งแต่น้องยังเล็กๆ  ต่างคนต่างไปแต่งงานใหม่และไม่กลับมาอีกเลย  ตัวเองต้องทำหน้าที่รับผิดชอบเลี้ยงดูหลานตั้งแต่แบเบาะ  ทุกวันนี้เขาก็เรียกยายว่าแม่ทุกคำนะ  แต่ก็ห่วงๆเขาเหมือนกันนะครู  พักหลังเขาชอบออกนอกบ้านบ่อยมาก  บอกว่าไปทำการบ้านกับเพื่อน  กลับมาก็ดึกๆดื่นๆครู  บางวันก็นอนค้างบ้านเพื่อนกลับมาอีกทีก็เช้าเลย  ครูช่วยยายหน่อยนะ  อบรมสั่งสอนให้หน่อย  ยายไม่อยากให้เป็นเหมือนแม่เขา” 

เพลงถามยายจากบ้านข้างๆยังคงทำหน้าที่ของตัวเองมาถึงท่อนที่ว่า  “เด็กหญิงเธอเริ่มสาวแล้ว  เริ่มคบเริ่มรักเพื่อนชาย  ไม่รู้เขาหมายอย่างเดียวก็คือความสาว  ทอดกายให้เขาเชยชมพอสมใจเขาตีจาก  คิดได้ก็สายเกินไปเขาไม่กลับคืน”  ผมพอคาดเดาได้ว่าเรื่องนี้แหล่ะที่เป็นความกังวลของยายหรือแม้แต่ผู้ปกครองคนอื่นๆ  เหตุผลเพราะว่ายายเคยมีบทเรียนในอดีตที่เลวร้ายมาแล้วและไม่ต้องการให้ประวัติศาสตร์นั้นกลับมาซ้ำรอยเดิมอีก  นั่นหมายถึงการสูญเสียอนาคตทางการเรียนของลูกสาวคนเดียวในไส้แท้ๆ
“หลานยายจากไปหลายเดือน  ก็หวนคืนกลับมาใหม่  ทิ้งลูกน้อยเอาไว้ให้ยาย แล้วหลบหาย”  ท่อนสุดท้ายของเพลงถามยายยิ่งตอกย้ำความรู้สึกของคนฟังเข้าไปอีก  มันสะท้อนปัญหาการท้องก่อนวัยอันควรของวัยรุ่นโดยเฉพาะในวัยที่กำลังเรียนหนังสืออย่างชัดเจนและนับวันปัญหานี้จะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ  มันเกิดจากอะไรนั้นเป็นประเด็นที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรนำกลับไปถกกันต่อ  แต่ผมมองถึงความไม่พร้อมด้านข้อมูลหรือองค์ความรู้ด้านเพศศึกษาที่จะช่วยในการตัดสินใจของวัยรุ่นวัยเรียนมากกว่าประเด็นอื่น
 
เด็กมีข้อมูลที่ถูกต้องน้อยมากขาดทักษะในการปฏิเสธเกี่ยวกับเรื่องเพศสัมพันธ์  หรือว่าประเทศของเราเขาไม่ให้พูดเรื่องแบบนี้กัน  ผมอยากเห็นหน่วยงานต่างๆที่เกี่ยวข้องลงมารับผิดชอบปัญหาเด็กท้องก่อนวัยอันควรที่ต้นเหตุครับ   เรามาสร้างภูมิคุ้มกันให้กับเขาจะดีไหม  อยากเห็นบ้านเมืองเราในมุมนี้บ้าง...