“อยากเห็นศรีสะเกษ....ในมุมนี้บ้าง” ปรากฎการณ์...แสงสุดท้าย
โดย...นุกูลกิจ ทวีชาติ
ถ้าจะถามถึงปรากฎการณ์ทางธรรมชาติแล้วหลายๆคนคงพอจะคาดเดาได้ว่ามันมีปรากฎการณ์อะไรบ้างที่เกิดขึ้นบนโลกใบนี้ของเรา แต่ถ้าจะถามว่ามีปรากฎการณ์อะไรบ้างที่มนุษย์สร้างสรรค์ขึ้นแล้วได้รับการยอมรับจากสังคมในภาพรวมนี่สิมันหาคำตอบได้ยากกว่า
เมื่อประมาณหนึ่งอาทิตย์ที่ผ่านมาได้เกิดปรากฎการณ์หนึ่งขึ้นมาบนบ้านเรา ผมเรียกมันว่า
“ปรากฏการณ์แสงสุดท้าย”
ปรากฎการณ์แสงสุดท้ายผมได้มาจากชื่อเพลงเพลงหนึ่งของวงดนตรีประเภทร็อกสัญชาติไทยที่ได้รับความนิยมในกลุ่มวัยรุ่นของบ้านเรานั่นคือวงบอดี้สแลม โดยมีอาทิวราห์ คงมาลัย เป็นนักร้องนำ
เสน่ห์ของวงดนตรีประเภทนี้นั้นอยู่ตรงแนวเพลงที่บรรเลงอย่างหนักแน่นด้วยโทนเสียงของกลองชุด เบส กีตาร์ไฟฟ้าเป็นหลักด้วยเสียงที่ดังเร้าใจจึงทำให้แนวเพลงร็อกเข้าไปอยู่ในใจของวัยรุ่นได้ไม่ยากนัก เช่นเดียวกับเพลงแสงสุดท้ายที่ผมกำลังพูดถึง
เพลงแสงสุดท้ายถ้าเราฟังแบบผิวเผินก็จะมีคำถามในใจว่า เพลงอะไรก็ไม่รู้ทำไมเสียงดังแสบแก้วหูเหลือเกิน
ไหนจะเสียงเบสที่ดังขึ้นต้นลอยมาแล้วสอดประสานรับกันกับกลองชุดและกีตาร์ไฟฟ้าก่อนที่นักร้องจะร้องรับด้วยเทคนิคที่ทำให้มีเสียงแหบนิดๆว่า “รอนแรมมาเนิ่นนานเพียงหนึ่งใจ กับทางที่โรยเอาไว้ด้วยขวากหนาม
...ชีวิตถ้าไม่ยากเย็นขนาดนั้น สองมือจะมีเรี่ยวแรงขนาดไหน แต่หัวใจของคน
ยังยืนยันจะไม่ถอดใจ... ในค่ำคืนที่ฟ้านั้นไม่มีดาวอยู่ตรงนี้ แต่ฉันยังคงก้าวไปยังคงมีรักแท้เป็นแสงนำไปในคืนที่หลงทาง… ตราบใดที่ปลายท้องฟ้ามีแสงรำไร จะไปจนถึงแสงสุดท้าย”
ลองคิดดูเล่นๆนะครับว่าถ้าเราลองเอาเนื้อร้องทั้งหมดของเพลงแสงสุดท้ายจากวงบอดี้สแลมมากางออกแล้วเราจะเห็นอะไรในนั้นบ้าง?
สิ่งที่ผมสามารถสัมผัสได้และเกิดแง่คิดเกี่ยวกับเพลงแสงสุดท้ายนั้นสามารถแบ่งออกเป็น 4 ประเด็นหลักๆ
คือ หนึ่งการดำเนินชีวิตของคนเรานั้นไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบเสมอไปมันจะต้องมีขวากหนามเจออุปสรรคต่างๆบ้าง สองอุปสรรคหรือขวากหนามแหลมคมที่คอยทิ่มแทงเรานั้นมันจะทำให้เราเป็นคนที่มีความเข้มแข็งขึ้น สามความสำเร็จใดๆก็ตามย่อมเกิดขึ้นได้จากความความตั้งใจและไม่ยอมแพ้ต่ออุปสรรคใดๆทั้งสิ้น และประเด็นสุดท้ายการใช้ชีวิตของคนเรานั้นจะต้องมีจุดหมายมีเป้าหมายที่ชัดเจนและเดินตามความฝันนั้นด้วยความมุ่งมั่นจนประสบความสำเร็จ
ขอเพียงแค่มีหัวใจที่หนักแน่นและไม่ยอมแพ้
เหมือนวลีหนึ่งที่ว่า “ตราบใดที่ปลายท้องฟ้ามีแสงรำไรจะไปจนถึงแสงสุดท้าย”
ปรากฎการณ์แสงสุดท้ายยังไม่จบลงเพียงเท่านี้เมื่อนายอาทิวราห์ คงมาลัย
หรือตูนร์บอดี้สแลม
ได้คิดทำโครงการก้าวคนละก้าว
วิ่งด้วยระยะทาง 2,191 กม. จากสุดเขตแดนใต้ อำเภอเบตง
จังหวัดยะลา
ไปจนถึงเหนือสุดแดนสยาม
อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย เพื่อรับบริจาคเงินจำนวน 700 ล้านบาทจากคนไทยนำไปจัดซื้ออุปกรณ์ทางการแพทย์บริจาคให้กับ 11 โรงพยาบาลทั่วประเทศ ผ่านมา
13 วัน
ยอดบริจาคอยู่ที่ 200 ล้านบาท
นี่คือปรากฎการณ์แสงสุดท้ายที่เกิดขึ้นจากการกระทำของเพื่อนมนุษย์เพื่อช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน ปรากฏการณ์นี้สะท้อนอะไรบ้างนั้นผมไม่รู้ ผมไม่สามารถตอบแทนใครได้
ผมรู้เพียงว่าการคิดดีและการทำดีเพื่อสังคมนั้นหายากขึ้นทุกวัน แต่ก็ยังมีให้เห็นพอได้ชื่นใจอยู่บ้างทั้งที่เห็นออกในสื่อและไม่ออกสื่อก็ตาม
ขอเป็นกำลังใจให้กับทุกคนที่คิดดีทำดีนะครับ สุดท้ายอยากจะบอกว่าปรากฎการณ์แบบนี้มันบอกให้เรารู้ว่าสังคมไทยยังต้องการคนประเภทนี้อยู่อีกเยอะมากมาก ใครที่พอมีบ้างที่จะแบ่งปันสังคมได้ก็เชิญลงมือเลยครับ มา สร้างสิ่งดีๆตามกำลังของตนกันครับ