วันพฤหัสบดีที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2561

วัฒนธรรมใหม่พิสดารและอุบาทว์

“อยากเห็นศรีสะเกษ....ในมุมนี้บ้าง”  ( ตอน  วัฒนธรรมใหม่...พิสดารและอุบาทว์ )
โดย...นุกูลกิจ  ทวีชาติ
            กระแสความนิยมการเต้นตามรถแห่ของกลุ่มเด็กและเยาวชนในภาคอีสาน  ตามงานบุญประเพณีหรือเทศกาลงานต่าง ๆ  กำลังถูกจับตามองและเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์จากภาคสังคมอย่างกว้างขวางในปัจจุบันว่า   ท่าเต้นแบบพิสดารและอุบาทว์  กำลังเกิดขึ้นบนพื้นดินอีสาน  และพฤติกรรมการแสดงออกตามงานบุญประเพณีต่าง ๆ นั้นกำลังหลงทางเข้าสู่ยุคฟรีเวอร์  อิสระ  เสรี  ไม่สนใจสังคมรอบข้าง  เขาเหล่านั้นทำตัวเหมาะสมหรือไม่อย่างไร ?  หรือยุคสมัยนี้มันเปลี่ยนไปแล้ว...เราต้องยอมรับมันให้ได้

ขึ้นชื่อว่าคนอีสานนอกจากจะเป็นผู้ที่มีความขยัน  ซื่อสัตย์  และอดทนเป็นต้นทุนชีวิตแล้ว  ความสนุกสนาน  รื่นเริง  “ ม่วนซื่นโฮแซว ”  ถือเป็นเอกลักษณ์อีกอย่างหนึ่งที่อยู่คู่กันกับคนอีสานบ้านเฮา  ซึ่งจะเห็นได้จาก  ขนบธรรมเนียม ประเพณี และวัฒนธรรมของคนอีสานที่ปฏิบัติกันมาในโอกาสต่าง ๆ ทั้งสิบสองเดือนของแต่ละปี  ซึ่งแต่ละบุญประเพณีก็จะมีกิจกรรมที่แฝงไว้ด้วย  คติ  ความเชื่อ  ความสนุกสนานและความสามัคคีของคนในชุมชนแตกต่างกันออกไป
วัฒนธรรมการแห่งานบุญประเพณีหรือเทศกาลงานต่าง ๆ  ของคนอีสานก็เช่นเดียวกัน  ไม่ว่าจะเป็นงานบวช  งานแต่ง  งานบุญกฐิน  บุญฉลองอัฐิ  ฯลฯ  ก็จะเห็นมีการฟ้อนรำ  ร้องเพลงกัน  แต่เป็นไปอย่างเรียบง่าย  มีเครื่องดนตรีที่ใช้แห่ไม่กี่ชนิด  เช่น  พิณ  แคน  ซอ  กลอง  ฉิ่ง  และฉาบ  ซึ่งแต่ละพื้นที่ก็จะมีความแตกต่างกันออกไป  แต่ก็เต็มไปด้วยความสุขสนุกสนุกสนาน  อ่อนช้อยสวยงามทั้งเด็กและผู้ใหญ่  ภาษาอีสานเขาเอิ้นวา  “ ฟ้อนเอาบุญ ” 

การเปลี่ยนแปลงรูปแบบของวงดนตรี  เพื่อใช้ในการแห่งานบุญหรือเทศกาลงานต่าง ๆ ของคนอีสานอีกรูปแบบหนึ่ง  ได้เกิดขึ้นเมื่อประมาณปี  พ.ศ. 2541  เกี่ยวกับการทำรถแห่ในภาคอีสาน  เมื่อพ่อคำนวน  ชูพงษ์  (เสียชีวิตแล้ว)  และแม่ปราณี  ชูพงษ์  ได้คิดรูปแบบการทำรถแห่ขึ้น  ชื่อวงว่า “ ดาราทอง ”  ซึ่งเป็นรถแห่คันแรกของจังหวัดบุรีรัมย์และคันแรกภาคอีสาน 
รถแห่ดนตรีสดได้นำเครื่องเสียงกลางแจ้งขนาดใหญ่  เครื่องปั่นไฟฟ้า  พร้อมเครื่องดนตรีเอาขึ้นไปไว้บนรถบรรทุกหกล้อเพื่อใช้แสดงดนตรีสด  มีการดัดแปลงรถให้เป็นเวทีคอนเสิร์ตแบบเคลื่อนที่ได้  นักดนตรีสามารถขึ้นไปเล่นได้และสามารถเล่นเพลงได้ในทุกแนว  ตั้งแต่ลายแห่  แนวสตริง  ลูกทุ่ง  หมอลำ  กันตรึม  ไปจนถึงเพลงสากล  และสามารถขอเพลงได้ตามใจชอบ  ซึ่งเสน่ห์ของรถแห่ก็อยู่ตรงนี้แหล่ะครับ
ด้วยระบบเสียงที่ดังกังวานกระหึ่มเหมือนการฟังคอนเสิร์ต  จึงทำให้รถแห่ได้รับความนิยมอย่างรวดเร็วในกลุ่มวัยรุ่นและเยาวชน  ซึ่งสองสามปีมานี้ถือเป็นยุคทองของรถแห่ภาคอีสานก็ว่าได้  เพราะรถแห่แบบเล่นดนตรีสด ๆ ได้เกิดขึ้นมากมายเกือบทุกจังหวัดในภาคอีสาน  ความเปลี่ยนแปลงของยุคสมัยการแห่งานบุญถือว่าเป็นเรื่องที่ดีมาก ๆ โดยเฉพาะการพัฒนาดนตรีและธุรกิจเกี่ยวกับรถแห่แบบเล่นดนตรีสด 

ภาพบรรยากาศหนี่งที่ปรากฏให้เห็นในทุก ๆ งานบุญหรือเทศกาลต่าง ๆ ที่มีรถแห่ดนตรีสดนั้น   ผมตั้งข้อสังเกตได้ 2 ประเด็นหลัก ๆ  คือ  ประการแรกมีกลุ่มวัยรุ่นและเยาวชนชายหญิง  จับกลุ่มกันดื่มกินเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอร์  เช่น  เหล้า  เบียร์  และดูดบุหรี่กันอย่างโจ๋งครี่ม  โดยไม่สนใจสายตาผู้หลักผู้ใหญ่หรือผู้ปกครองแต่อย่างใด  ถึงขนาดเมาควบคุมสติตัวเองไม่ได้ก็มี  และมีเหตุทะเลาะวิวาทตามมาเกือบทุกครั้ง 
ประการที่สอง  คือ  ท่าเต้นสุดพิสดารและอุบาทว์  ซึ่งโลกออนไลด์หลายคนก็ออกมาวิพากษ์วิจารณ์ว่ามันเหมาะสมหรือไม่กับพฤติกรรมการเต้นแบบนี้  หลายคนคงคิดว่าผมใช้คำพูดที่รุนแรงเกินไปหรือเปล่าสำหรับวัยรุ่นและเด็กเยาวชนที่แสดงออกตามงานที่มีรถแห่ทั่วไป 
ผมขออธิบายว่า  ทำไมผมจึงใช้คำว่าท่าเต้นสุดพิสดารและอุบาทว์  เพราะว่า  มันเป็นการเต้นที่ทุกคนเห็นแล้วงึด...(ภาษาอีสาน)  นี่คือท่าเต้นที่ผมกล่าวถึง  กลิ้งไปกลิ้งมาบนถนน  ม้วนหน้าม้วนหลัง  ตีลังกาไปมา  สะบัดแขน  ถ่างขา  แล้วแต่พวกเขาคิดจะทำกัน  บางคนนอนคว่ำกับพื้นแล้วก็เด้าใส่พื้นดิน  นอนหงายแล้วเด้าเด้งขึ้นฟ้า  กระโดดเด้ากลางอากาศ  นั่งยองๆย่อตัวลงเด้าเด้งใส่กัน  บางคนถึงขนาดจับคู่กันหญิงชายเต้นเสมือนหนึ่งการผสมพันธุ์ของสัตว์ 

สิ่งเหล่านี้ถ้าเรามองว่ามันเป็นการแสดงออกของวัยรุ่น  มันเป็นการปลดปล่อยของเขาให้เขาทำตามใจเถิด  สักวันหนึ่งมันก็จะกลายเป็นวัฒนธรรมใหม่ที่ยากจะดึงกลับคืนมาได้  แต่ถ้าเรามองว่ามันคือปัญหาที่ต้องได้รับการแก้ไข  เกี่ยวกับพฤติกรรมของเด็กและเยาวชนที่ดื่มเหล้า  ดูดบุหรี่  ทะเลาะวิวาท  เต้นท่าพิสดารและอุบาทว์  ตามเทศกาลงานบุญต่าง ๆ ที่มีรถแห่แล้ว  ผมเชื่อว่าหลายคนคงรับพฤติกรรมที่เกิดขึ้นแบบนั้นไม่ได้เหมือนกัน  โดยเฉพาะผู้ปกครองของเด็กและเยาวชนเอง  หรือแม้กระทั่งผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมืองนี้ก็ตาม
 

เรามาหาวิธีการแก้ปัญหากันดีมั้ยครับ  จะออกกฎระเบียบการแห่งานบุญภายในชุมชนเพื่อรักษาขนบธรรมเนียม  จารีตประเพณีที่ดีงามเอาไว้  หรือมีมาตรการอะไรที่ดีกว่านี้ก็ช่วยกันครับ  อย่าปล่อยปละละเลยหรือมองข้ามสิ่งเล็กๆน้อยๆ  อยากเห็นบ้านเราคิดแก้ปัญหาในมุมนี้บ้างครับ