“อยากเห็นศรีสะเกษ....ในมุมนี้บ้าง” ( ตอน วัฒนธรรมใหม่...พิสดารและอุบาทว์
)
โดย...นุกูลกิจ ทวีชาติ
กระแสความนิยมการเต้นตามรถแห่ของกลุ่มเด็กและเยาวชนในภาคอีสาน ตามงานบุญประเพณีหรือเทศกาลงานต่าง ๆ กำลังถูกจับตามองและเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์จากภาคสังคมอย่างกว้างขวางในปัจจุบันว่า ท่าเต้นแบบพิสดารและอุบาทว์ กำลังเกิดขึ้นบนพื้นดินอีสาน และพฤติกรรมการแสดงออกตามงานบุญประเพณีต่าง ๆ นั้นกำลังหลงทางเข้าสู่ยุคฟรีเวอร์ อิสระ
เสรี ไม่สนใจสังคมรอบข้าง เขาเหล่านั้นทำตัวเหมาะสมหรือไม่อย่างไร ? หรือยุคสมัยนี้มันเปลี่ยนไปแล้ว...เราต้องยอมรับมันให้ได้
ขึ้นชื่อว่าคนอีสานนอกจากจะเป็นผู้ที่มีความขยัน ซื่อสัตย์
และอดทนเป็นต้นทุนชีวิตแล้ว ความสนุกสนาน รื่นเริง
“ ม่วนซื่นโฮแซว ” ถือเป็นเอกลักษณ์อีกอย่างหนึ่งที่อยู่คู่กันกับคนอีสานบ้านเฮา ซึ่งจะเห็นได้จาก ขนบธรรมเนียม ประเพณี และวัฒนธรรมของคนอีสานที่ปฏิบัติกันมาในโอกาสต่าง
ๆ ทั้งสิบสองเดือนของแต่ละปี ซึ่งแต่ละบุญประเพณีก็จะมีกิจกรรมที่แฝงไว้ด้วย คติ
ความเชื่อ ความสนุกสนานและความสามัคคีของคนในชุมชนแตกต่างกันออกไป
วัฒนธรรมการแห่งานบุญประเพณีหรือเทศกาลงานต่าง ๆ ของคนอีสานก็เช่นเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นงานบวช งานแต่ง
งานบุญกฐิน บุญฉลองอัฐิ ฯลฯ ก็จะเห็นมีการฟ้อนรำ ร้องเพลงกัน
แต่เป็นไปอย่างเรียบง่าย มีเครื่องดนตรีที่ใช้แห่ไม่กี่ชนิด เช่น
พิณ แคน ซอ
กลอง ฉิ่ง และฉาบ
ซึ่งแต่ละพื้นที่ก็จะมีความแตกต่างกันออกไป แต่ก็เต็มไปด้วยความสุขสนุกสนุกสนาน อ่อนช้อยสวยงามทั้งเด็กและผู้ใหญ่ ภาษาอีสานเขาเอิ้นวา “ ฟ้อนเอาบุญ ”
การเปลี่ยนแปลงรูปแบบของวงดนตรี เพื่อใช้ในการแห่งานบุญหรือเทศกาลงานต่าง ๆ ของคนอีสานอีกรูปแบบหนึ่ง ได้เกิดขึ้นเมื่อประมาณปี พ.ศ. 2541 เกี่ยวกับการทำรถแห่ในภาคอีสาน เมื่อพ่อคำนวน ชูพงษ์ (เสียชีวิตแล้ว) และแม่ปราณี
ชูพงษ์ ได้คิดรูปแบบการทำรถแห่ขึ้น ชื่อวงว่า “ ดาราทอง ” ซึ่งเป็นรถแห่คันแรกของจังหวัดบุรีรัมย์และคันแรกภาคอีสาน
รถแห่ดนตรีสดได้นำเครื่องเสียงกลางแจ้งขนาดใหญ่ เครื่องปั่นไฟฟ้า พร้อมเครื่องดนตรีเอาขึ้นไปไว้บนรถบรรทุกหกล้อเพื่อใช้แสดงดนตรีสด มีการดัดแปลงรถให้เป็นเวทีคอนเสิร์ตแบบเคลื่อนที่ได้ นักดนตรีสามารถขึ้นไปเล่นได้และสามารถเล่นเพลงได้ในทุกแนว ตั้งแต่ลายแห่
แนวสตริง ลูกทุ่ง หมอลำ
กันตรึม ไปจนถึงเพลงสากล และสามารถขอเพลงได้ตามใจชอบ ซึ่งเสน่ห์ของรถแห่ก็อยู่ตรงนี้แหล่ะครับ
ด้วยระบบเสียงที่ดังกังวานกระหึ่มเหมือนการฟังคอนเสิร์ต จึงทำให้รถแห่ได้รับความนิยมอย่างรวดเร็วในกลุ่มวัยรุ่นและเยาวชน ซึ่งสองสามปีมานี้ถือเป็นยุคทองของรถแห่ภาคอีสานก็ว่าได้ เพราะรถแห่แบบเล่นดนตรีสด ๆ ได้เกิดขึ้นมากมายเกือบทุกจังหวัดในภาคอีสาน ความเปลี่ยนแปลงของยุคสมัยการแห่งานบุญถือว่าเป็นเรื่องที่ดีมาก
ๆ โดยเฉพาะการพัฒนาดนตรีและธุรกิจเกี่ยวกับรถแห่แบบเล่นดนตรีสด
ภาพบรรยากาศหนี่งที่ปรากฏให้เห็นในทุก ๆ งานบุญหรือเทศกาลต่าง
ๆ ที่มีรถแห่ดนตรีสดนั้น ผมตั้งข้อสังเกตได้
2 ประเด็นหลัก ๆ คือ
ประการแรกมีกลุ่มวัยรุ่นและเยาวชนชายหญิง
จับกลุ่มกันดื่มกินเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอร์ เช่น เหล้า เบียร์
และดูดบุหรี่กันอย่างโจ๋งครี่ม โดยไม่สนใจสายตาผู้หลักผู้ใหญ่หรือผู้ปกครองแต่อย่างใด ถึงขนาดเมาควบคุมสติตัวเองไม่ได้ก็มี และมีเหตุทะเลาะวิวาทตามมาเกือบทุกครั้ง
ประการที่สอง
คือ ท่าเต้นสุดพิสดารและอุบาทว์
ซึ่งโลกออนไลด์หลายคนก็ออกมาวิพากษ์วิจารณ์ว่ามันเหมาะสมหรือไม่กับพฤติกรรมการเต้นแบบนี้ หลายคนคงคิดว่าผมใช้คำพูดที่รุนแรงเกินไปหรือเปล่าสำหรับวัยรุ่นและเด็กเยาวชนที่แสดงออกตามงานที่มีรถแห่ทั่วไป
ผมขออธิบายว่า ทำไมผมจึงใช้คำว่าท่าเต้นสุดพิสดารและอุบาทว์ เพราะว่า
มันเป็นการเต้นที่ทุกคนเห็นแล้วงึด...(ภาษาอีสาน) นี่คือท่าเต้นที่ผมกล่าวถึง กลิ้งไปกลิ้งมาบนถนน ม้วนหน้าม้วนหลัง ตีลังกาไปมา
สะบัดแขน ถ่างขา แล้วแต่พวกเขาคิดจะทำกัน บางคนนอนคว่ำกับพื้นแล้วก็เด้าใส่พื้นดิน นอนหงายแล้วเด้าเด้งขึ้นฟ้า กระโดดเด้ากลางอากาศ นั่งยองๆย่อตัวลงเด้าเด้งใส่กัน บางคนถึงขนาดจับคู่กันหญิงชายเต้นเสมือนหนึ่งการผสมพันธุ์ของสัตว์
สิ่งเหล่านี้ถ้าเรามองว่ามันเป็นการแสดงออกของวัยรุ่น มันเป็นการปลดปล่อยของเขาให้เขาทำตามใจเถิด สักวันหนึ่งมันก็จะกลายเป็นวัฒนธรรมใหม่ที่ยากจะดึงกลับคืนมาได้ แต่ถ้าเรามองว่ามันคือปัญหาที่ต้องได้รับการแก้ไข เกี่ยวกับพฤติกรรมของเด็กและเยาวชนที่ดื่มเหล้า ดูดบุหรี่
ทะเลาะวิวาท เต้นท่าพิสดารและอุบาทว์ ตามเทศกาลงานบุญต่าง ๆ ที่มีรถแห่แล้ว ผมเชื่อว่าหลายคนคงรับพฤติกรรมที่เกิดขึ้นแบบนั้นไม่ได้เหมือนกัน โดยเฉพาะผู้ปกครองของเด็กและเยาวชนเอง หรือแม้กระทั่งผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมืองนี้ก็ตาม
เรามาหาวิธีการแก้ปัญหากันดีมั้ยครับ จะออกกฎระเบียบการแห่งานบุญภายในชุมชนเพื่อรักษาขนบธรรมเนียม จารีตประเพณีที่ดีงามเอาไว้ หรือมีมาตรการอะไรที่ดีกว่านี้ก็ช่วยกันครับ อย่าปล่อยปละละเลยหรือมองข้ามสิ่งเล็กๆน้อยๆ อยากเห็นบ้านเราคิดแก้ปัญหาในมุมนี้บ้างครับ
ชอบบทความนี้ค่ะ เห็นได้ทุกที่เลยจริงๆ ในฐานะที่หนูเองก็เป็นวัยรุ่นคนหนึ่งหนูมองว่ามันเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสมมากๆ ถ้าจะเป็นแบบนี้คงเรียกว่า “ ฟ้อนเอาบุญ ” ไม่ได้แล้วหละค่ะ
ตอบลบค่านิยมวัยรุ่นทุกวันนี้เปลี่ยนไปมากครับ .อุบาทว์ขึ้นทุกวัน น่ากลัวๆๆ .
ตอบลบพึ่งมาเจอบทความนี้ก็เห็นด้วยเหมือนกันค่ะ บางท่าก็อุบาทว์เกิน บางอันเห็นเด็กเล็กๆ ประมาณ 7-8 ขวบ เต้นกันแล้วเห็นผู้ใหญ่สนุกก็ไม่ได้ว่าไร(ซะงั้น?) คราวนี้ได้เห็นคลิปนึงบทยูทูปค่ะ เสียงวิจารณ์หนักพอสมควร พอเห็นว่ามันเริ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ก็รู้สึกว่าควรแก้ที่ต้นเหตุจะดีมาก แต่คงทำยากเพราะมันบานปลายมาถึงจุดนี้แล้ว
ตอบลบ