อยากเห็นศรีสะเกษ....ในมุมนี้บ้าง ( ตอน วันครู...บนโลกออนไลด์ )
โดย...นุกูลกิจ ทวีชาติ
“ปาเจรา จาริยา โหนติ
คุณุตตะรา นุสาสะการ” เสียงกล่าวนำบทไหว้ครูจากตัวแทนครูอาวุโสดังอย่างไพเราะนุ่มนวล เหมือนดั่งมนต์ขลังสะกดให้ผู้ที่เข้าร่วมงานทุกคนอยู่ในความเงียบอย่างน่าอัศจรรย์พร้อมเปล่งเสียงร้องบทไหว้ครูพร้อมกันอย่างมีพลัง “ ข้าขอประณตน้อมสักการ บูรพคณาจารย์ ผู้กอปรเกิดประโยชน์ศึกษา ทั้งท่านผู้ประสาทวิชา อบรมจริยา แก่ข้าในการปัจจุบัน...” นี่คือบรรยากาศในช่วงพิธีการของคณะครูที่เข้าร่วมงานวันครูในปีนี้
วันครูแห่งชาติของทุกปีถือได้ว่าเป็นวันของทุก
ๆ คน เหตุผลก็คือ เพราะวันนี้เป็นวันที่เราได้ระลึกถึงพระคุณของครูบาอาจารย์
แม่พิมพ์ พ่อพิมพ์ของชาติที่ได้อบรมสั่งสอนเรามาตั้งแต่เล็ก ทำให้เราเป็นคนดีมีวิชาความรู้
เพราะฉะนั้นครูจึงเป็นบุคคลที่สำคัญอย่างมากในวงการการศึกษาทั้งในด้านวิชาการ คุณธรรมจริยธรรมและประสบการณ์
รวมทั้งเป็นอาชีพที่ถือว่ามีความเสียสละเพื่อส่วนรวมอย่างมาก อย่างที่หลาย
ๆคนมักจะกล่าวอยู่เสมอว่า “
ที่มีวันนี้ได้ก็เพราะครู ”
คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน 2499 ให้วันที่ 16 มกราคม ของทุกปีเป็น "วันครู" โดยถือเอาวันที่ประกาศพระราชบัญญัติครูในราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2488 เป็นวันครู และให้กระทรวงศึกษาธิการสั่งการให้นักเรียนและครูหยุดในวันดังกล่าวได้ วันที่ 16 เดือนมกราคมของทุกปี จึงถือเป็นวันสำคัญอีกวันหนึ่ง
ซึ่งเรียกวันนี้ว่า “วันครูแห่งชาติ”
สำหรับรูปแบบการจัดงานวันครูนั้นโดยทั่วไปจะมีกิจกรรมทางศาสนา กิจกรรมพิธีรำลึกถึงพระคุณบูรพาจารย์
ประกอบด้วยพิธีปฏิญาณตน การกล่าวคำระลึกถึงพระคุณบูรพาจารย์ และกิจกรรมเพื่อความสามัคคีระหว่างผู้ประกอบอาชีพครู
ส่วนมากจะเป็นการแข่งขันกีฬาหรือการจัดงานรื่นเริงในตอนเย็น เพื่อสร้างความสนุกสนานและปฏิสัมพันธ์ที่ดีระหว่างเพื่อนร่วมอาชีพ
ปรากฏการณ์หนึ่งที่ผมตั้งข้อสังเกตและเห็นความเปลี่ยนแปลงของยุคสมัยก็คือ การใช้สื่อออนไลด์ในการโพสน์ข้อความ การส่งรูปภาพต่าง ๆ เพื่อบอกเล่า
อวยพร ระลึกถึงพระคุญของคุณครูเก่า
ๆ คุณครูคนแรก คุณครูสมัยประถม ...ฯลฯ ผมมองว่าเป็นการแสดงออกที่ดีน่าชื่นชมครับ สรุปว่าวันนี้ทั้งวันเราก็จะได้รับข้อมูลข่าวสารจากเพื่อน
ๆ แบบนี้ตลอดทั้งกลางวันและกลางคืน
แต่อีกมุมหนึ่งเหมือนมันไหลไปตามกระแสโลกโซเชียลจริง
ๆ มีการคัดลอกข้อความส่งต่อ ๆ กันไป ซึ่งความจริงไม่รู้ว่าคุณครูเขาจะได้อ่านหรือเปล่าก็ไม่ทราบได้ ผมว่าถ้าเราเปลี่ยนจากส่งข้อความลอย ๆ เป็นการแวะเยี่ยม พูดคุย
ทักทายหรือโทรศัพน์หาท่านสักครั้งในแต่ละปี
หรือทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้กับคุณครูที่ล่วงลับไปแล้วก็น่าจะเข้าท่านะครับ ความปลื้มปีติยินดีของคุณครูคงจะล้นเอ่อ
มากกว่าการพร่ำเพ้อด้วยตัวอักษรในโลกออนไลด์ อยากเห็นลูกศิษย์ในมุมนี้บ้างครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น