วันอังคารที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2559

อยากเห็นศรีสะเกษ...ในมุมนี่บ้าง(มุม...อีสานบ้านเฮา)

อยากเห็นศรีสะเกษ...ในมุมนี้บ้าง  (มุม...อีสานบ้านเฮา)
โดย  นุกูลกิจ  ทวีชาติ
                “หอมดอกผักกะแยง ยามฟ้าแดงค่ำลงมา  แอ๊บๆ เขียดจะนา ร้องยามฟ้าฮ้อนหวนๆ เขียดโม้เขียดขาคำ เหมือนหมอลำพากันม่วน เมฆดำลอยปั่นป่วน ฝนตกมาสู่อีสาน”  เสียงเพลงอีสานบ้านเฮา  จากผลงานปลายปากกาของครูเพลงพงษ์ศักดิ์  จันทรุขา  ศิลปินแห่งชาติสาขาศิลปะการแสดง (ดนตรีไทยลูกทุ่ง – ประพันธ์เพลง)  ประจำปี2557  ขับร้องโดยเทพพร  เพชรอุบล  ดังแว่วมาจากวิทยุทรานซิสเตอร์ของลุงสมที่เป็นภารโรงของโรงเรียน  ในขณะที่ทุกคนกำลังจดจ่ออยู่กับการซ่อมโต๊ะเก้าอี้เก่าๆไว้ให้นักเรียนใช้ในปีการศึกษาหน้าที่จะมาถึง  ณ  วินาทีนั้นกิจกรรมทุกอย่างหยุดชะงักไปชั่วครู่เหมือนกำลังถูกมนต์สะกดทุกคนหยุดภารกิจทุกอย่างเพื่อฟังสาระจากเพลงอย่างตั้งใจ  “ม่วนเอยม่วนเสียงกบร้องอ๊บๆกล่อมลำเนา...”


                ระยะเวลา  3.26  วินาที  ของการฟังเพลงอีสานบ้านเฮา  ด้วยจังหวะที่สนุกสนาน  ทำนองที่ไพเราะประกอบกับการใช้ภาษาของคำร้องที่งดงาม  ทำให้อดคิดถึงภาพบรรยากาศและความอุดมสมบูรณ์ของพื้นที่ภาคอีสานเมื่อประมาณ  45  ปีที่ผ่านมาไม่ได้จริงๆ  โดยเฉพาะในพื้นที่ชนบทที่มีการทำไร่ทำนา  หากเรามองย้อนกลับไปตามระยะเวลาของอายุเพลงอีสานบ้านเฮาแล้วพบว่า  คนอีสานดั้งเดิมนั้นประกอบอาชีพเกษตรกรรมทำไร่ทำนาโดยอาศัยควายเป็นแรงงานหลักในการไถนา  อาศัยแรงงานจากคนในครอบครัวและญาติพี่น้องในการปักดำ  ทุกคนมีวิถีชีวิตที่เรียบง่ายอยู่กินแบบพอเพียงพึ่งพาอาศัยความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติในการดำรงชีวิต  มีพืชผักต่างๆเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติมากมายให้เลือกรับปะทานกันตามฤดูกาล  มีกุ้ง หอย ปู ปลากินเป็นอาหาร มีกบ เขียดร้องระงมตามท้องไร่ท้องนาห้วยหนองคลองบึงในฤดูฝน  นี่คือธรรมชาติแห่งบ้านนาในอดีต 


                ภาพความทรงจำในอดีตที่สวยสดงดงามเหมือนเพลงอีสานบ้านเฮาบัดนี้ได้เลือนหายไปจากวิถีชีวิตของชาวนาอีสานไปแล้ว ไม่ว่าจะเป็นผักกะแยง  ผักอีฮีน ตอนนี้ไม่มีในทุ่งนาแล้วเพราะฤทธิ์ของยาฆ่าหญ้า ที่ชาวนาพากันฉีดพ่น  กบ เขียดจะนา เขียดโม่และเขียดขาคำก็ไม่มีร้องให้ได้ยินหลังจากฝนตกเพราะพิษของยาฆ่าแมลงไปทำลายเสียจนหมดสิ้น  ส่วนควายทุยก็ไม่มีให้เล็มหญ้าอ่อนตามคันนาอีกต่อไปแล้ว เพราะมีรถไถนาเข้ามาแทนที่เรียบร้อย  ธรรมชาติของบ้านนาฝนตกมาก็ไม่มีของให้กินอีกต่อไป  ต้องอาศัยตลาดหรือรถพุ่มพวงมาจอดถึงหน้าบ้านเป็นหลักแล้วก็ใช้เงินซื้อทุกอย่างที่ต้องการ  การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวทำให้ความมั่นคงทางอาหารของคนอีสานหมดไปโดยสิ้นเชิง

                “มาเด้อมาซอยกันก่อ อีสานน้อ...บ้านของเฮา”  เสียงเพลงท่อนสุดท้ายจบลงพร้อมกับคำถามตามมาอีกมากมาย  เช่น  ทำอย่างไรผักกะแยง  ผักเม็ก  ผักกะโดน  ผักอีฮีน  ปลา  กบ  เขียดจะนา  เขียดขาคำ ฯลฯ  จะกลับคืนมาสู่แผ่นดินอีสานอีก? ทำอย่างไรความมั่นคงทางอาหารของเราจะกลับคืนมาเหมือนในอดีต?  ทำเช่นไรความอุดมสมบูรณ์ของทุ่งนาบ้านเราจะกลับคืนมาเหมือนเดิ ม? 
คำตอบเหล่านั้นคงอยู่ที่ชาวนาอีสานทุกคนแล้วล่ะครับ  เพราะว่าบทเรียนของการใช้ปุ๋ยเคมี  ยาฆ่าหญ้า  และยาฆ่าแมลง  สะท้อนให้เห็นแล้วว่าเป็นตัวการทำลายความอุดมสมบูรณ์ของสรรพสิ่งทั้งหลาย      มีทางเดียวที่จะทำให้บรรยากาศเหมือนดั่งเพลงอีสานบ้านเฮาเมื่อประมาณ  45  ปี  กลับคืนมาได้คือ  หยุดการใช้สิ่งเหล่านั้นโดยสิ้นเชิง...ผมอยากเห็นชาวนาจังหวัดศรีสะเกษในมุมนี้บ้างครับ  มุมที่มีบรรยากาศเหมือนเพลงอีสานบ้านเฮา  ขอแค่หมู่บ้านละ  ครัวเรือนนำร่องครับ            


                  

2 ความคิดเห็น: