วันพฤหัสบดีที่ 22 ธันวาคม พ.ศ. 2559

เส้นทางเดินของชาวดิน

“อยากเห็นศรีสะเกษ....ในมุมนี้บ้าง”  (ตอน...เส้นทางเดินของชาวดิน)
โดย...นุกูลกิจ  ทวีชาติ
            บรรยากาศหลังฤดูกาลเก็บของชาวนาบ้านเราได้สิ้นสุดลงแล้วในช่วงเดือนธันวาคมซึ่งเป็นเดือนสุดท้ายของปี  หลังจากนี้ไปคงต้องรออีกนานกว่าครึ่งปีเลยทีเดียวที่จะถึงฤดูกาลเพาะปลูกใหม่ซึ่งถือเป็นระยะเวลาที่นานพอสมควร  ถ้าจะถามว่าช่วงเวลาที่รอคอยฤดูกาลใหม่นั้นพี่น้องเขาทำอะไรกันบ้าง  คงไม่สามารถจะเจาะจงไปได้ว่าเขาทำอะไรกันบ้าง  เพราะวิถีชีวิตของแต่ละคนนั้นช่างแตกต่างกันเหลือเกิน  ผมรู้แค่เพียงว่าการอพยพแรงงานได้เริ่มต้นขึ้นแล้วครับ

เสียงเพลงจากวิทยุทรานซิสเตอร์ดังแว่วมาจากกระท่อมปลายนาของบัณฑิตนิค  บุรุษผู้หลงใหลและรักในถิ่นฐานบ้านเกิดของตนเองอย่างเป็นที่สุด  ที่ผมกล่าวอย่างนี้เพราะว่าตั้งแต่เขาเรียนจบมหาวิทยาลัยในมหานครเขาก็กลับมาทำงานอยู่กับบ้านของตนเองมาตลอด  ประเด็นนี้นี่เองที่ทำให้ผมนึกถึงเพลงเพลงหนึ่งที่ไมล์  ภิรมย์พร  ได้ขับร้องไว้ในอัลบั้มชุดที่13  (กำลังใจในแววตา)  ความไพเราะของเพลงเหมาะสมกับฉายาของเขาที่ว่านักร้องขวัญใจแรงงานคนจนจริงๆ  นั่นคือเพลงทางเดินชาวดิน  ซึ่งประพันธ์เนื้อร้องโดย  วสุ  ห้าวหาญ  นักประพันธ์เพลงมือระดับต้นๆของประเทศไทย
ความไพเราะของเพลงนี้เกิดขึ้นตั้งแต่ต้นเพลงคือการนำเครื่องดนตรีพื้นบ้านอีสานได้แก่  โหวดกับแคน  มาเรียบเรียงเสียงประสานผสมผสานกับเครื่องดนตรีสากลได้อย่างกลมกล่อมเป็นที่สุด  เพลงทางเดินชาวดินมีเนื้อร้องที่เกี่ยวกับการถ่ายทอดวิถีชีวิตของคนทิ้งถิ่นฐานของคนในชนบทบ้านเรา  การต่อสู้ดิ้นรนของผู้ได้ถูกขนานนามว่า  “แรงงาน”  ได้อย่างกินใจมากจริงๆ
 
            นี่คือท่อนแรกของเพลงครับ  “นาแล้งแห้งผาก  ความชุ่มตีจากแผ่นดินอีสาน ลมร้อนขับไล่  ผลักไหล่ดอกจาน ให้จำลาก้านร่วงหล่นลงดิน  ดั่งลูกอีสาน พลัดถิ่นฐานที่เคยทำกิน  เข้ามาปลดเปลื้องหนี้สิน หยาดเหงื่อหลั่งริน  อยู่ในเมืองฟ้า”   จากเนื้อหาในท่อนแรกเราจะเห็นถึงเหตุผลของการพลัดถิ่นฐานเข้ามาใช้แรงงานในเมืองกรุง  ด้วยสาเหตุหนี่งก็คือความแห้งแล้งของพื้นที่และปัญหาหนี้สิน 
            การหลั่งไหลของแรงงานจึงยังเกิดขึ้นในทุกฤดูกาล  เกิดขึ้นในทุกสาขาอาชีพที่มีความมั่นคงน้อย  ไม่ว่าจะเป็นเกษตรกร  เด็กที่เรียนดี  หมอลำ  นักมวยหรือแม้แต่นางงาม  เหมือนเนื้อที่ร้องว่า  “ จากเด็กเรียนดีแต่วันนี้เป็นกรรมกร จากหมอลำชื่อเสียงกระฉ่อน  ต้องมาขับกลอนลำเดินขอทาน  นักมวยเงินหมื่นวันนี้ทั้งคืนต้องยืนล้างจาน  จากเป็นนางงามสงกรานต์สุดทางฝันเป็นสาวนั่งบาร์ ”  มันสะท้อนให้เห็นภาพที่ชัดเจนอย่างนั้นจริงๆ

            ผมมีมุมมองจากเพลงทางเดินชาวดินอยู่สองคำถามคือ  หนึ่ง...  เวลา 8 ชั่วโมง  ของการทำงานให้กับบริษัทหรือโรงงาน  สร้างความร่ำรวยมหาศาลให้กับคนอื่นนั้นมันคุ้มค่ากับหยาดเหงื่อแรงกายของเราหรือเปล่า?  สอง...ถ้าเราใช้เวลา 8 ชั่วโมงเท่ากัน  ทำงานบนพื้นดินของตนเองที่มีอยู่โดยใช้ความขยัน  ประหยัด  อดทน  อดออม  ชีวิตเราจะเป็นเช่นไรบ้าง? สองคำถามนี้น่าสนใจนะ  เพราะความสุขความมั่นคงของครอบครัวคือสิ่งที่มีความสำคัญ  จากครอบครัวเล็กๆๆๆก็จะต่อยอดไปยังประเทศที่มีความสุขในลำดับต่อไป  กลับมาอยู่บ้านเกิด  มาสร้างความสุขด้วยกันนะครับ  อยากเห็นบ้านเราในมุมนี้บ้าง...
           


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น