วันเสาร์ที่ 21 มกราคม พ.ศ. 2560

สื่อหนึ่งผืน หมอน 1 ใบ

“อยากเห็นศรีสะเกษ....ในมุมนี้บ้าง”  (ตอน...เสื่อหนึ่งผืน  หมอน  1 ใบ)
โดย...นุกูลกิจ  ทวีชาติ
            ผมมีโอกาสได้ดูละครเรื่องอยู่กับก๋งในช่วงเวลาวันหยุดเสาร์ อาทิตย์  แล้วเกิดความประทับใจในวัฒนธรรมวิธีการสอนของชาวจีนในแผ่นดินสยามที่สืบทอดจากรุ่นสู่รุ่นมาอย่างยาวนานนับตั้งแต่บรรพบุรุษถึงปัจจุบัน  และภาพความประทับใจนั้นก็มาติดซึ้งตรึงใจอยู่ตรงบทเพลงที่ใช้ประกอบละครเรื่องอยู่กับก๋ง  นั่นคือเพลงวิหคพลัดถิ่น
           
เพลงวิหคพลัดถิ่น  ประพันธ์คำร้อง / ทำนอง  โดยนายยืนยง  โอภากุล  ซึ่งเป็นศิลปินเพลงเพื่อชีวิตที่มีชื่อเสียงและมีบทบาททางสังคมอีกคนหนึ่งของเมืองไทย  หรือที่รู้จักและคุ้นเคยกันในนามแอ๊ด  คาราบาว  ศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง(นักร้อง-นักประพันธ์เพลงไทยสากล) ประจำปี พ.ศ. 2556 โดยประพันธ์ขึ้นในปี  พ.ศ. 2548  อยู่ในอัลบั้มสามัคคีประเทศไทย  เพลงวิหคพลัดถิ่นนั้นมีมุมและประเด็นที่น่าสนใจอยู่ไม่น้อยเลยตามผมมาครับ
           
เพลงวิหคพลัดถิ่นได้บอกเล่าเรื่องราวของก๋ง ชาวจีนจากโพ้นทะเลที่อพยพจากเมืองจีนมาพึ่งพระบรมโพธิ์สมภารของพระมหากษัตริย์ไทย ดั่งเช่นเนื้อร้องท่อนแรกที่ว่า  “เมื่อแดนดินแม่กันดาร  จิตวิญญาณของก๋งล่องลอย   เก็บเสื่อหมอนของใช้นิดหน่อย  เจ้านกน้อยโผบินจากรัง  ฝ่าคลื่นลม ภูเขา ทะเล  ขึ้นสำเภาที่ใกล้จะพัง  สร้างชีวิตใหม่โพ้นฟากฝั่ง  คือความหวังของจีนสยาม”  เนื้อเพลงเล่าเรื่องได้อย่างเห็นภาพว่าการเดินทางของชาวจีนนั้นลำบากขนาดไหน
วิหคพลัดถิ่นในส่วนของภาคดนตรีนั้นมีการเรียบเรียงเสียงประสานอย่างอลังการมีการนำทำนองกลิ่นอายแบบจีนมาผสมผสานได้อย่างลงตัวและน่าฟัง  ถึงแม้เพลงวิหคพลัดถิ่นไม่ได้มีเนื้อหากล่าวถึงในหลวงโดยตรง แต่มีการมุ่งเน้นไปที่การสำนึกในบุญคุณแผ่นดิน โดยเฉพาะในท่อนจบที่มีการพูดถึงการสำนึกในบุญคุณใต้แผ่นดินพระเจ้าอยู่หัวได้อย่างกินใจมาก  คือ “...อยากฝากกายวิหคพลัดถิ่น ใต้แผ่นดินพระเจ้าอยู่หัว ...จดจำสำนึกคุณ
เรื่องราวของวิหคพลัดถิ่นถึงแม้จะมีเวลาเล่าเรื่องราวแค่ 3.04  นาที  แต่มนต์เสน่ห์ของเพลงทำให้ผมสนใจเรื่องราวคำสอนของชาวจีนในแผ่นดินสยามที่สืบทอดกันมาแต่บรรพบุรุษจนถึงปัจจุบัน  จากสื่อผืนหมอนใบที่ได้นำติดตัวมา  ทุกวันนี้พี่น้องชาวจีนได้ประกอบธุรกิจเป็นฐานเศรษฐกิจที่เป็นกำลังหลักของประเทศมากมายอย่างที่รู้จักกัน  ด้วยคำสอน  คำ  ที่ปลูกฝังต่อกันมาตั้งแต่เด็กนั่นก็คือ  ความขยัน  ซื่อสัตย์  ประหยัด  อดทน  กตัญญู  คำสอนเหล่านี้มีความสำคัญมากที่ต้องมีและอยู่คู่กับคนไทยเหมือนที่คนจีนเขาสอนลูกสอนหลานของเขา
นอกจากสิ่งที่ต้องมีในตัวเองแล้วยังมีคำสอนที่คนจีนห้ามพูดโดยเด็ดขาดอีก  5 คำ  ได้แก่ หนึ่งห้ามพูดว่า  ยาก  เพราะมันจะไปปิดกั้นความสามารถเราทันที   สองห้ามพูดว่า  ทำไม่ได้  เพราะมันเป็นการปิดกั้นการเรียนรู้ของเรา  สามห้ามพูดว่า  ท้อ  เพราะพลังทั้งมวลจะสูญสิ้นจากตัวเรา  สี่ห้ามพูดว่า  ขี้เกียจ  เพราะเป็นการสร้างความไม่รับผิดชอบให้เกิดขึ้นกับตัวเอง และประการสุดท้ายห้ามพูดว่า  เหนื่อย  เพราะร่างกายจะตอบสนองด้วยการอ่อนแอลงทันที

จากเสื่อหนึ่งผืน  หมอนหนึ่งใบ  และคำสอนง่ายๆแบบนี้ผมอยากเห็น  อยากให้เข้าไปอยู่ในใจของเยาวชนไทยทุกคน   หาวิธีการช่วยกันนะครับอยากเห็นคนไทยในมุมนี้บ้าง....

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น