วันอาทิตย์ที่ 19 มีนาคม พ.ศ. 2560

ฮักกันคือจังปั้นข้าวเหนียว

“อยากเห็นศรีสะเกษ....ในมุมนี้บ้าง”  (ตอน...ฮักกันคือจังปั้นข้าวเหนียว)
โดย...นุกูลกิจ  ทวีชาติ
            สมัยเด็กๆผมเคยได้ฟังนิทานอีสปอยู่เรื่องหนึ่งคือหมาป่ากับลูกแกะ  เมื่อเล่าจบคุณครูก็ตามด้วยคำถามที่ว่า  “ เด็กๆนิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า.....? ”  นี่คือเสน่ห์ของนิทานที่เด็กๆชอบฟังและได้มุมมอง  ข้อคิด  คติสอนใจแตกต่างกันออกไป  เช่นเดียวกันกับนิทานเรื่องหมาป่ากับลูกแกะที่เด็กแต่ละคนก็จะตอบคำถามในสิ่งที่ตัวเองได้ฟังแตกต่างกันออกไปเหมือนกัน  เช่น  บ้างก็ตอบว่าคนพาลย่อมหาเรื่องกล่าวร้ายผู้อื่นได้เสมอ  แม้ผู้นั้นจะไม่มีความผิดก็ตาม...  บ้างก็ตอบว่าควรทำแต่ความเจริญ อย่าเบียดเบียนผู้อื่น...  บ้างก็ตอบว่าผู้ที่ไม่มีความกรุณา จะไม่ยอมรับฟังเหตุผล... ฯลฯ  ทำไมผมจึงเอาเรื่องนี้มาเล่าสู่ฟัง

            เรื่องราวของนิทานอีสปเรื่องหมาป่ากับลูกแกะยังไม่จบลงเพียงเท่านี้เมื่อน้าวี  นายวีระศักดิ์  ขุขันธิน  ผู้ก่อตั้งและหัวหน้าวง “สองวัย”  ซึ่งเป็นวงดนตรีเพื่อเด็กที่ถือเป็นอีกหนึ่งตำนานของยุทธจักรวงการเพลงไทย  ได้นำเรื่องราวของนิทานดังกล่าวมาประพันธ์เป็นบทเพลงชื่อว่า  เพลงลูกแกะกับหมาป่า  ในปี  พ.ศ. 2522  ซึ่งอยู่ในอัลบั้มชุดที่1  ชื่อชุดว่าเจ้าผีเสื้อเอย  ซึ่งเพลงลูกแกะกับหมาป่านี้เป็นเพลงในแนวโฟร์คซองเน้นที่เนื้อหาของเนื้อร้องเป็นสำคัญและมีระยะเวลาในการเล่าเรื่อราวอยู่ทั้งหมด  4.36  นาที 
           
เสน่ห์และความน่าสนใจของเพลงลูกแกะกับหมาป่านั้นมีอยู่ด้วยกันกัน  5  ประการ  คือ  ประการที่หนึ่งการเปลี่ยนคำจากหมาป่ากับลูกแกะมาเป็นชื่อเพลงลูกแกะกับหมาป่า  ซึ่งการเปลี่ยนคำตรงนี้จะทำให้เกิดจุดที่น่าสนใจคือลูกแกะกลายเป็นตัวละครเอกของเรื่อง  ประการที่สองคือส่วนของดนตรีใช้กีตาร์โปร่งในการบรรเลงคอร์ดและสอดแทรกการประสานในบางห้องเพลงทำให้ดนตรีมีความเรียบง่าย  ฟังสบาย  ประการที่สามคือมีการใช้ภาษาในการประพันธ์เพลงที่เรียบง่ายมีการลำดับเรื่องราวที่สามารถจินตนาการมองเห็นภาพที่ชัดเจน  ประการที่สี่คือมีการใช้วิธีการขับร้องตอบโต้กันแบบเล่านิทานระหว่างคนสองคนคือนักร้องหญิงกับนักร้องชายทำให้เกิดอรรถรสในการรับฟัง  และประการสุดท้ายคือการเขียนเรื่องราวเพลงที่หักมุมเดิมให้แตกต่างจากนิทานอีสปที่เคยฟังทั่วๆไป


            นอกจากความสนุกเพลิดเพลินจากการฟังเพลงลูกแกะกับหมาป่าแล้วยังได้ความรู้สึกเหมือนกับการได้ฟังนิทานอีกเป็นเรื่อง  ผมมาสะดุดตรงท่อนสุดท้ายของเพลงที่ว่า  “ลูกแกะตัวน้อยๆ ยืนเป็นร้อยอยู่เรียงราย  รวมพลังทั้งใจกาย ขับไล่วายร้ายที่มารุกราน  ทำใจให้เข้มแข็ง ร่วมแรงกันอย่างอาจหาญ  ขับไล่ไอ้ตัวมาร ที่คอยรุกรานและคอยทำลาย”  จะเห็นว่าเพลงลูกแกะกับหมาป่านั้นได้สอดแทรกเรื่องความสามัคคี  การรวมพลังเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันว่าสามารถต่อสู้กับอธรรมได้เหมือนลูกแกะหลายๆตัวรวมกันจนเอาชนะหมาป่าได้  เรื่องราวเหล่านี้จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องปลูกฝังให้เกิดขึ้นกับเด็กๆและสังคมไทยนะครับ  อยากเห็นคนไทยในมุมนี้บ้างช่วยกันนะครับ    

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น