“อยากเห็นศรีสะเกษ....ในมุมนี้บ้าง” (ตอน...สงกรานต์กลายพันธุ์)
โดย...นุกูลกิจ ทวีชาติ
“ฟ้าใหม่แล้วละนะน้องสงกรานต์เร้าร้องทำนองเพลงโยน โน่นไงจ๊ะโทนป๊ะโทนโทนทั้งโยกทั้งโยนเย้ายวนยั่วใจ วันตรุษหยุดการหยุดงานสังคมชาวบ้านสิคร้านครึกครื้น เริงสงกรานต์กันพอขวัญชื้นๆฉลองวันคืน
จนครื้นเครงคลาน” นี่คือวรรคแรกของเพลงเพลงหนึ่งที่อยากให้ผู้อ่านลองทายกันเล่นๆว่า ข้อความที่กล่าวมาข้างต้นนี้เป็นเนื้อร้องเพลงอะไร? ผมเฉลยให้นิดหนึ่งก็ได้ว่าแต่เดิมเพลงนี้ได้รับความนิยมมากในช่วงเทศกาลสงกรานต์ของไทยเรา...ได้คำตอบกันหรือยังล่ะครับ?
นี่คือเพลงที่ถูกนำมาขับร้องซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนถึงปัจจุบันในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ชื่อเพลงว่ารำวงเริงสงกรานต์ ประพันธ์เนื้อร้องโดย ครูแก้ว
อัจฉริยะกุล
และขับร้องโดยวงสุนทราภรณ์
เพลงรำวงเริงสงกรานต์ถือเป็นเพลงที่ประพันธ์ขึ้นใช้เฉพาะในช่วงประเพณีหรือเทศกาลสงกรานต์เท่านั้น โดยตลอดระยะเวลากว่า 60 ปี
ที่ผ่านมาความเป็นอมตะของเพลงก็ยังคงได้รับความนิยมอยู่ถึงปัจจุบัน ด้วยจังหวะรำวงที่สนุกสนาน
การประพันธ์เนื้อร้องที่เป็นบทกวี
การใช้เทคนิคการร้องสลับกันของฝ่ายชายกับฝ่ายหญิงและมีท่อนสร้อยเพลงวนไปมาทุกวรรคเพลง ทำให้เพลงดังกล่าวเปรียบสเหมือนเป็นสัญลักษณ์ทางดนตรีของงานประเพณีสงกรานต์ไปเรียบร้อย
เพลงรำวงเริงสงกรานต์ได้ทำหน้าที่ในการถ่ายทอดถึงบรรยากาศประเพณีสงกรานต์อย่างไทยได้อย่างงดงามในส่วนของการสร้างบรรยากาศให้เกิดความสนุกสนานรื่นเริง ส่วนประเพณีสงกรานต์นั้นโดยแก่นแท้ๆแล้วถือเป็นประเพณีสำหรับการรดน้ำขอพรจากผู้หลักผู้ใหญ่เพื่อเป็นสิริมงคลที่สืบทอดกันมาแต่โบราณ ต่อเนื่องด้วยการทำบุญตักบาตรในช่วงเช้า การสรงน้ำพระ การก่อพระเจดีย์ทราย การทำบุญอัฐิญาติผู้ใหญ่ การปล่อยนกปล่อยปลา
และมีการละเล่นพื้นบ้านของไทย คือ การเล่นมอญซ่อนผ้า และ การเล่นสะบ้า เป็นต้น
ภาพบรรยากาศประเพณีสงกรานต์แบบดั้งเดิมที่กล่าวมาเริ่มจางหายไปจากสังคมไทยและมีการสร้างวัฒนธรรมสงกรานต์แบบใหม่ขึ้นมาแทนที่เป็นสงกรานต์เพื่อธุรกิจ สงกรานต์เพื่อผลกำไร สักวันหนึ่งสิ่งที่ดีงามของประเพณีดั้งเดิมก็จะถูกกลืนหายจนหมดสิ้น
เมื่อขนบดั้งเดิมไม่ได้รับการดูแลหรืออนุรักษ์ไว้ให้คงอยู่อย่างเหมาะสมจึงถูกสร้างประเพณีสงกรานต์แบบใหม่ขึ้นมาแทนที่ชนิดว่ากู่ไม่กลับแล้ว เช่น การสาดน้ำจากบนรถปิคอัพ การใช้ปืนฉีดน้ำ
การใช้น้ำแข็งหรือการใช้แป้งสีต่างๆระบายหรือละเลงไปตามตัวและหน้าตารวมทั้งการเต้นแบบโคโยตี้ ซึ่งนี่ก็เป็นงานยอดฮิตที่ไม่มีใครกล้าต้านกระแสดังกล่าวได้เลย
ถือเป็นการรุกหนักของกระแสทุนนิยมผ่านวัฒนธรรมประเพณีที่ดีงามของไทยโดยไม่รู้ตัว เมื่อถึง
ณ จุดจุดหนึ่งประเพณีสงกรานต์ของไทยจะเป็นอย่างไรนั้นคงคาดเดาได้ไม่ยากนัก แต่ผมเชื่อว่ามันยังไม่ถึงทางตันขนาดนั้นช่วยกันนะครับประเพณีสงกรานต์แบบดั้งเดิมต้องอยู่คู่คนไทย ช่วยกันสืบสานประเพณีที่ดีงามไว้ให้ลูกหลานบ้างเด้อ
อย่ามัวเมาลุ่มหลงในวัฒนธรรมอื่นจนลืมความเป็นไทยแท้ๆ อยากเห็นในมุมนี้บ้าง....ครับพี่น้อง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น