อยากเห็นศรีสะเกษในมุมนี้บ้าง ตอน
แบนสมาร์ทโฟนในโรงเรียนดีไหม ?
โดย
นุกูลกิจ ทวีชาติ
คุณคิดอย่างไรกับพฤติกรรมการใช้สมาร์ทโฟนในโรงเรียนของเด็กนักเรียนในปัจจุบัน
? นี่คือคำถามปลายเปิดที่อยากให้ผู้อ่านได้ลองแสดงความคิดเห็นหรือสะท้อนพฤติกรรมการใช้โทรศัพท์มือถือของเด็กนักเรียนในโรงเรียนว่าเป็นอย่างไรบ้าง
โดยเฉพาะครูที่ถือว่าเป็นผู้ที่มีความใกล้ชิด ปฏิสัมพันธ์กับนักเรียนโดยตรงและพบเจอสภาพบรรยากาศภายในโรงเรียนตลอดระยะเวลาที่ปฏิบัติหน้าที่สอนหนังสือ
เมื่อช่วงปลายเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมาสมาชิกรัฐสภาของฝรั่งเศสได้เห็นชอบกฎหมายฉบับหนึ่งที่มีเนื้อหาสาระเกี่ยวกับการห้ามใช้โทรศัพท์มือถือของเด็กนักเรียนภายในโรงเรียน การแบนสมาร์ทโฟนและอุปกรณ์เชื่อต่ออินเทอร์เน็ตอื่นๆ
อย่างเช่นแท็บเล็ต จะมีผลบังคับใช้กับเด็กนักเรียนอายุระหว่าง 3 ถึง
15 ปี
หลังจากผ่านความเห็นชอบของสมาชิกรัฐสภาไปแล้วเมื่อวันจันทร์ (30 ก.ค. 2561)
ทำไมประเทศฝรั่งเศสถึงตัดสินใจออกกฎหมายห้ามมิให้นักเรียนใช้โทรศัพท์มือถือในโรงเรียน ถ้าเรามองแบบไม่ต้องคิดอะไรให้มันสลับซับซ้อนก็จะบอกว่า มันเป็นการทำตามสัญญานโยบายช่วงการหาเสียงของประธานาธิบดีเอมมานูเอล มาครง
เท่านั้น
แต่ถ้ามองให้ลึกลงไปอีกผมว่านี่แหล่ะคือ
กฎหมายทางการศึกษาในช่วงศตวรรษที่ 21 ที่ประเทศต่าง ๆ ในโลกนี้ควรเอาเป็นแบบอย่างโดยเฉพาะประเทศไทย
ประธานาธิบดี เอมมานูเอล มาครง ให้เหตุผลในการออกกฎหมายนี้ว่า
“ การใช้โทรศัพท์มือถือในเวลาเรียน
หรือการอนุญาตให้นำโทรศีพย์มือถือมาโรงเรียนได้
เป็นหนึ่งในสาเหตุสำคัญที่ทำให้สุขภาพนักเรียนเปลี่ยนแปลงไปในทางที่แย่ลง
เนื่องจากในเวลาพักเบรกช่วงกลางวัน
จากเดิมที่มักจะร่วมกันทำกิจกรรมสร้างสรรค์หรือพูดคุยกันเพื่อสร้างความคุ้นเคย
นักเรียนกลับเอาเวลาทั้งหมดในช่วงระหว่างวัน โฟกัสไปที่โทรศัพท์มือถือ
และสื่อโซเชียลมีเดียอื่นๆ มากกว่า”
นอกจากนี้
ผู้เชี่ยวชาญเคยระบุว่า
การใช้สมาร์ทโฟนที่มากจนเกินไปเป็นบ่อเกิดของการสูญเสียสมาธิในระยะยาว หรือ
เสี่ยงเป็นโรคสมาธิสั้น ทั้งนี้ ผลสำรวจในหลาย ๆ ปีที่ผ่านมา
พบว่าในฝรั่งเศสจำนวนนักเรียนอายุระหว่าง 12-17 มีโทรศัพท์มือถือใช้มากถึง
93% และสิ่งที่น่าตกใจก็คือ
ตลอดการเรียนการสอนในแต่ละวันยังมีนักเรียนที่ใช้สมาร์ทโฟนในการส่งข้อความหากันในหลายแอปพลิเคชั่น
ซึ่งเป็นสิ่งบ่งชี้ว่า ระหว่างชั่วโมงการเรียนนักเรียนจำนวนมากไม่ตั้งใจเรียน
และยังโฟกัสไปที่การใช้โทรศัพท์มือถือในระหว่างที่คุณครูสอน
การบังคับใช้กฎหมายกรณีการแบนสมาร์ทโฟนและอุปกรณ์เชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตอื่น
ๆ สำหรับนักเรียนในฝรั่งเศสนั้น
ผมค่อนข้างเห็นด้วยอย่างยิ่ง เหตุผลเพราะมีผลการวิจัยต่าง
ๆ ของหลายสถาบันที่ได้กล่าวถึงการติดสมาร์ทโฟนและอินเตอร์เน็ตว่าก่อผลกระทบต่อสมองของมนุษย์เรา
เช่น
การศึกษาหนึ่งจากเกาหลีใต้ที่ทำการวิจัยพวกวัยรุ่นที่ติดอินเทอร์เน็ตและสมาร์ทโฟน
พบว่าสมองของเยาวชนเหล่านั้นมีระบบสารส่งผ่านประสาทสูงขึ้น
ซึ่งทำให้เซลล์ประสาทสั่งการช้าลง ผลก็คือระดับการควบคุมและความสนใจลดลง
ทำให้อ่อนแอต่อสิ่งรบกวนมากกว่าเดิม
นอกจากนี้ อีกหนึ่งผลการศึกษาของสถาบันเศรษฐศาสตร์และรัฐศาสตร์ในลอนดอน พบว่าการแบนสมาร์ทโฟนตามโรงเรียนต่างๆ ทำให้นักเรียนมีผลคะแนนการสอบดีขึ้นอย่างชัดเจน เห็นหรือยังละครับว่าผลที่เกิดขึ้นจากการแบนสมาร์ทโฟนของนักเรียนนั้นส่งผลในทางบวกมากกว่าทางลบแน่นอน
นอกจากนี้ อีกหนึ่งผลการศึกษาของสถาบันเศรษฐศาสตร์และรัฐศาสตร์ในลอนดอน พบว่าการแบนสมาร์ทโฟนตามโรงเรียนต่างๆ ทำให้นักเรียนมีผลคะแนนการสอบดีขึ้นอย่างชัดเจน เห็นหรือยังละครับว่าผลที่เกิดขึ้นจากการแบนสมาร์ทโฟนของนักเรียนนั้นส่งผลในทางบวกมากกว่าทางลบแน่นอน
ถ้าจะวาดภาพบรรยากาศโดยทั่วไปของการใช้โทรศัพท์ของนักเรียนในโรงเรียนต่าง ๆ ของประเทศไทยเราขณะนี้ผมว่าไม่ต่างไปจากฝรั่งเศส บางทีอาจจะหนักกว่าด้วยซ้ำไป แล้วถ้ายังเป็นอยู่แบบนี้ล่ะอนาคตทาทางการศึกษา คุณภาพทางการศึกษาอีก 30 ปีข้างหน้า คงมองได้ไม่ยากนักว่านักเรียนของเราจะเป็นอย่างไรบ้าง ถ้าหากขืนปล่อยให้มีการใช้โทรศัพท์ของนักเรียนเป็นไปอย่างเสรีแบบนี้ นักการศึกษาทั้งหลายลองทบทวนหาวิธีการแก้ปัญหากันนะครับ ดูตัวอย่างบ้านเมืองอื่นเขาบ้าง ก่อนที่คุณภาพการศึกษาไทยจะดิ่งลงเหวโดยไม่รู้ตัว อยากเห็นการแก้ปัญหามุมนี้บ้างครับ