วันศุกร์ที่ 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561

ศิลปะเพื่อมวลมนุษยชาติ


“อยากเห็นศรีสะเกษ....ในมุมนี้บ้าง  ( ตอน  ศิลปะเพื่อมวลมนุษยชาติ”   ) 
โดย...นุกูลกิจ  ทวีชาติ
            คำว่า  “ ศิลปะเพื่อมวลมนุษยชาติ ”  ฟังดูแล้วรู้สึกว่ามันยิ่งใหญ่มาก  จับต้องได้ยาก  สัมผัสไม่ถึง  มันไกลเกินกว่าที่คนทั่ว ๆ ไปจะมีโอกาสได้ชื่นชมความงามของผลงานศิลปะที่ศิลปินที่ได้แสดงออกมาในแต่ละชิ้นงาน  แต่นี่คือตัวอย่างหนึ่งของกลุ่มศิลปินที่สร้างผลงานศิลปะด้วยใจรักและมีการนำผลงานมาจัดนิทรรศการอย่างต่อเนื่องตลอดระยะเวลา  11  ปี  “ กลุ่มศิลปินเมืองแปะ ”

            ผมมีโอกาสร่วมงานนิทรรศการศิลปะร่วมสมัย  ภายใต้ชื่องานว่า  “ศิลปะเพื่อมวลมนุษยชาติ”  ครั้งที่ 10  ของกลุ่มศิลปินเมืองแปะ  จัดขึ้น    สถานีรถไฟบุรีรัมย์  จังหวัดบุรีรัมย์  ระหว่างวันที่  8 – 17  ตุลาคม  พ.ศ.2561 ที่ผ่านมา  ในฐานะนักดนตรีรับเชิญเพื่อแสดงในงาน  โดยมีครูน้อยกับครูต้อมร่วมบรรเลงด้วยกันสามคนเพื่อสร้างบรรยากาศด้านเสียงเพลงให้กับผู้ที่มาร่วมงานในครั้งนี้
หลังจากเล่นดนตรีเสร็จแล้วผมได้มานั่งฟังประธานกลุ่มศิลปินเมืองแปะ  คือ  อ.สมเกียรติ  เสียงวังเวง  ครู  วิทยฐานะชำนาญการพิเศษ  โรงเรียนภัทรบพิตร  กล่าวรายงานต่อประธานในพิธี  นายอนุรัฐ  ไทยตรง  รองผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์  จึงได้รู้ความเป็นมาเป็นไปว่า  กลุ่มศิลปินเมืองแปะนั้นเกิดขึ้นจากการรวมตัวกันของคนทำงานศิลปะจังหวัดบุรีรัมย์  ในปีพ.ศ.2550  ซึ่งมาจากกลุ่มคนที่รักศิลปะและกลุ่มคนที่ทำงานหลากหลายอาชีพ  ในความหลากหลายนั่นเองจึงทำให้การสร้างผลงานศิลปะของกลุ่มมีความงามที่เข้าถึงได้ทุกชนชั้น

การจัดนิทรรศการศิลปกรรมร่วมสมัย  “ศิลปะเพื่อมวลมนุษยชาติ” ครั้งที่10  มีจุดมุ่งหมายเพื่อส่งเสริมสุนทรียภาพให้กับประชาชน  เป็นการบันทึกประวัติศาสตร์เมืองแปะและประเทศไทย  ผู้ทำงานศิลปะได้แลกเปลี่ยนความคิดกัน  ประชาชนทั่วไปมีโอกาสได้ชื่นชมผลงานศิลปะ  และเป็นแหล่งศึกษาค้นคว้าสำหรับผู้ที่สนใจผลงานด้านศิลปะ
จุดเด่นอย่างสิ่งที่น่าสนใจในการจัดนิทรรศการศิลปะครั้งนี้ที่กลุ่มศิลปินเมืองแปะทำได้ดีและมองเห็นแบบทะลุปรุโปร่ง  คือ  การเลือกสถานที่ในการจัดแสดงผลงานนั่นก็คือ  สถานีรถไฟ  ซึ่งสถานที่แบบนี้มันเป็นสถานที่สาธารณะผู้คนมาใช้บริการจำนวนมากในแต่ละวัน  โอกาสที่พี่น้องประชาชนทุกสาขาอาชีพ  ชาวไร่  ชาวนา ...ฯลฯ  เขาก็จะได้มีโอกาสได้ชื่นชมความงามของศิลปะบ้างไม่มากก็น้อยล่ะ

 ลองคิดดูนะครับว่าเมื่อประชาชนทั่วไปได้ดู  ได้ชื่นชมความงามของศิลปะ คุณค่าที่เกิดขึ้นมันมหาศาลประเมินค่าเป็นตัวเงินไม่ได้เลย  นี่คือการจัดนิทรรศการศิลปะที่เป็นแบบอย่างที่ดี  มีคุณค่า  ควรแก่การนำไปเป็นแบบอย่าง  มิใช่จัดไว้ในหอศิลป์  จัดไว้ในสถาบันการศึกษาที่มีคนดูไม่กี่คน  บางที่ก็ดูกันเองบ้าง 
ประเทศเราก็แปลกดีนะครับ  ลองคิดดูนะครับว่า  ถ้าประทศไทยมีการจัดนิทรรศการศิลปะตามสถานีรถไฟต่าง ๆ ทุกสถานี  อะไรจะเกิดขึ้น  ฝากถึงผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องครับนำไปคิดต่อก็ดี...ศิลปะเพื่อมวลมนุษยชาติ  มันมีคุณค่าต่อจิตใจจริง ๆ อยากเห็นบ้านเมืองเราในมุมนี้บ้าง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น